บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

TOP: กําไร 4Q21 หนุนจากค่าการกลั่น และกําไรพิเศษ

กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-31% YoY, +144% QoQ) แตะจุดสูงรอบ 4 ไตรมาส สอดคล้องกับคาดการณ์

  • กำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะการขาดหายไปของกำไรพิเศษครั้งเดียว 5.8 พันล้านบาทใน 4Q20 จากการขายหุ้น GPSC ส่วนการเติบโตในเชิง QoQ ได้แรงหนุนจากกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงิน และกําไรอัตราแลกเปลี่ยน 2.8 พันล้านบาท
  • EBITDA อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท (+74% YoY, -10% QoQ) การเติบโต YoY หนุนจากกลุ่มโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ ส่วนที่ลดลง QoQ เกิดขึ้นจากส่วนแบ่งอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ลดลง
  • ภาพรวมปี 2022 เป็นบวก คาดค่าการกลั่นจะแข็งแกร่งต่อเนื่องไปถึง 1Q22 และต่อจากนั้น หนุนจากส่วนต่างราคาเบนซิน เชื้อเพลิงอากาศยาน และดีเซลที่แข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก คาดบริษัทรับรู้กำไรเต็มปีจาก CAP ในปี 2022 ขณะที่อุปทานใหม่จะฉุดส่วนแบ่งกลุ่มปิโตรเคมีต่อเนื่อง
  • ประกาศจ่ายปันผล 2H21 ที่ 2.0 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 3.8% ขึ้น XD 3 มี.ค.

คงคำแนะนํา “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 67.0 บาท ถึง 1.1xPBV,22E สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในประเทศ ปัจจัยเสี่ยงคือมูลค่าพื้นฐานนี้ยังไม่รวมแผนการเพิ่มทุน 1.0 หมื่นล้านบาทใน 1H22

สรุปผลประกอบการ

  • กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-31% YoY, +144% QoQ) แตะจุดสูงรอบ 4 ไตรมาส สอดคล้องกับคาดการณ์
  • กำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะการขาดหายไปของกำไรพิเศษครั้งเดียว 5.8 พันล้านบาทใน 4Q20 จากการขายหุ้น GPSC ส่วนการเติบโตในเชิง QoQ ได้แรงหนุนจากกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงิน และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 2.8 พันล้านบาท
  • EBITDA อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท (+74% YoY, -10% QoQ) การเติบโต YoY หนุนจากกลุ่มโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ ส่วนที่ลดลง QoQ เกิดขึ้นจากส่วนแบ่งอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ลดลง
  • กำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ (market GIM) ที่ไม่รวมกำไร/ขาดทุนสต็อกน้ำมันเพิ่มเป็น US$7.0/bbl (+US$3.4/bbl YoY, +US$1.5/bbl QoQ) หนุนจากธุรกิจโรงกลั่นที่ดีขึ้น
  • ค่าการกลั่นพุ่งแตะ US$5.4/bbl เทียบกับ US$1.6/bbl ใน 3Q21 และ US$01.2/bbl ใน 4Q20 หนุนจากส่วนต่างราคาทุกผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว อัตราการดำเนินงานก็เพิ่มเป็น 300kbd (+8% YoY, +18% QoQ)
  • กำไรสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาทเทียบ 3.9 พันล้านบาทใน 3Q21 และ 1.8 พันล้านบาทใน 4Q20 เพราะราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มเป็น US$78.3/bbl (+76% YoY, +9% QOQ)

Revenue Breakdown

การดำเนินงานหลักของบริษัทคือธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจอื่นๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ปิโตรเคมี การผลิตไฟฟ้า และการขนส่งทางทะเล โดยบริษัทมีกำลังการกลั่น 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และคิดเป็น 22.5% ของกำลังการกลั่นในประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังถือหุ้น 20% ใน GPSC (ซึ่งเป็นของกลุ่มปตท.) ที่ช่วยสร้างส่วนแบ่งกำไรที่มีความมั่นคง โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากแหล่งต่างๆ ดังนี้

  • โรงกลั่น (สัดส่วนที่ 76% ของ EBITDA รวม)
  • อะโรเมติกส์และห้องปฏิบัติการ (สัดส่วนที่ 11% ของ EBITDA รวม)
  • น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน สัดส่วนที่ 4% ของ EBITDA รวม)
  • การผลิตไฟฟ้า (สัดส่วนที่ 3% ของ EBITDA รวม)
  • สารทำละลาย (สัดส่วนที่ 3% ของ EBITDA รวม
  • เอทานอล (สัดส่วนที่ 1% ของ EBITDA รวม
  • อื่นๆ (สัดส่วนที่ 2% ของ EBITDA รวม)
- Advertisement -