บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

MAJOR: พลิกเป็นกําไรปกติครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส

กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 100 ล้านบาท (-69%YoY, -95%QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะพลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส กำไรที่ออกมานั้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

  • กำไรสุทธิทั้งปี 2021 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF มูลค่า 3.2 พันล้านบาท บริษัทจะจาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 1.1 พันล้านบาทในปี 2020
  • กำไรปกติ 4Q21 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หนุนจากอุปสงค์ที่อั้นมาจากการล็อกดาวน์ บวกกับยอดขายตั๋วเรื่อง Spider-Man: No Way Home ที่น่าประทับใจ
  • คาดผลการดำเนินงานจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นในปี 2022 จากจุดต่ำในปี 2021 เพราะจะมีภาพยนตร์คุณภาพดีที่ถูกเลื่อนมาฉายในปีนี้จำนวนมาก หลังจากก่อนหน้านี้เผชิญกับมาตรการคุมเข้มด้านโควิด-19
  • Upside ต่อกำไรยังคงเดิม 1) เงินสำหรับการลงทุนครั้งใหม่จากการขายหุ้น SF และ 2) การขายป็อปคอร์นในร้านโมเดิร์นเทรดที่เริ่มต้นใน 1Q22

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 23.70 บาท อิง 19.9x PE’23E หรือที่ค่าเฉลี่ย 5 ปี

สรุปผลประกอบการ

  • กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 100 ล้านบาท (-69%YoY, -95%QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะพลิก เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส
  • กำไรสุทธิทั้งปี 2021 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF มูลค่า 3.2 พันล้านบาท บริษัทจะขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 1.1 พันล้านบาทในปี 2020
  • รายได้ 4Q21 แตะจุดสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาสจากอุปสงค์ที่อั้นมาจากช่วงล็อกดาวน์ บวกกับยอดขายตั๋วเรื่อง Spider-Man: No Way Home ที่น่าประทับใจ ซึ่งล่าสุดติดอันดับภาพยนตร์ทําเงิน 10 อันดับแรกในตลาดโลกไปแล้วในแง่ของรายได้จากการจําหน่ายตั๋ว
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ฟื้นมาอยู่ในแดนบวกที่ 27.7% ใน 4Q21 หลังแตะจุดต่ำไปใน 3Q21 จากแรงกดดันของการปิดให้บริการโรงภาพยนตร์
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลดลง QoQ และ YoY มาแตะจุดต่ำรอบ 9 ไตรมาสที่ 27.5% จากรายได้ที่ดีขณะที่ต้นทุนยังคงเดิม

Revenue breakdown

MAJOR ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ภายใต้แบรนด์ตนเอง ด้วยบริการชมภาพยนตร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น RealD, 2D, 3D, 4DX, IMAX และ Screen X ซึ่งหน่วยธุรกิจนี้คิดเป็น 66% ของรายได้รวม ขณะที่ธุรกิจบริการสื่อโฆษณาคิดเป็น 15% ของรายได้รวม ด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น สื่อโฆษณาบนจอฉายภาพยนตร์ที่ให้บริการตามเครือข่ายสาขา Major Cineplex ของบริษัททั้งหมด

ทั้งยังดำเนินธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะภายใต้แบรนด์ Blu-O Rhythm & Bowl ปัจจุบันมีเลนโบว์ลิ่งอยู่ 298 เลน และห้องคาราโอเกะ 169 ห้อง และยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งอีก 5 แห่ง โดยรวมแล้วคิดเป็น 5% ของรายได้รวม

ส่วนธุรกิจอื่นๆ จะรวมถึงธุรกิจพื้นที่เช่า (คิดเป็น 9% ของรายได้รวม) และคอนเทนต์ภาพยนตร์ (5% ของรายได้รวม)

- Advertisement -