SMART โชว์ผลประกอบการปี 2564 คว้ารายได้รวม 459.48 ล้านบาท กำไร 39.87 ล้านบาท รับอานิสงส์จากปริมาณความต้องการใช้อิฐมวลเบาของโครงการก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการเร่งลงทุนเพื่อเปิดโครงการใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร เร่งปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อรองรับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมประกาศแผนธุรกิจ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า สร้างยอดขายเติบโต พร้อมเตรยมชงผู้ถือหุ้นขออนุมัติการจ่ายปันผลที่ 0.04 บาทต่อหุ้น

 

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 459.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 419.17  ล้านบาท จำนวน 40.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.62% และมีกำไรสุทธิ 39.87  ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 45.81 ล้านบาท จำนวน 5.94 ล้านบาท หรือลดลง 12.96% ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 103.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 95.93 ล้านบาท จำนวน 7.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.49%

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/64 มีรายได้รวม 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 108.73 ล้านบาท จำนวน 12.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.28% และมีกำไรสุทธิ 9.41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.80 ล้านบาท จำนวน 6.39 ล้านบาท หรือลดลง 40.44%

ทั้งนี้ รายได้และกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณความต้องการใช้อิฐมวลเบาของโครงการก่อสร้างภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า โรงพยาบาล อาคารสำนักงานราชการ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง  ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan to Value) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ แนวสูงเพิ่ม การกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคในการจับจ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งลงทุนก่อสร้าง เพื่อเปิดโครงการใหม่ ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร เร่งปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อรองรับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องมาจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 8.39 ล้านบาท

ขณะที่แผนการดำเนินงาน บริษัทเร่งเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ชูจุดเด่นช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งเน้นการทำตลาด (Online to Offline) สร้างการรับรู้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขาย พร้อมทั้งเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการเตรียมแผนจัดการบริหารความเสี่ยงและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์อยู่เสมอ เพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวรับมือต่อสถานการณ์นั้นๆ ได้ทัน

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2564 แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท  คิดเป็น 110.02% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 41.662 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องรอมติการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเมษายนนี้อีกครั้ง

*****

- Advertisement -