Our View? ” แค่นี้ยังไหว”

คาดตลาดวันนี้ “ฟื้นตัว” มองแนวรับที่บริเวณ 1,685/1,675 แนวต้านที่บริเวณ 1,700 / 1,710 เรามองตลาดเมื่อวานนี้ปรับตัวลงรับรู้ความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนไปบ้างพอสมควรแล้ว ขณะที่การตอบโต้ของทางฝั่งสหรัฐ – ยุโรปโดยการคว่ำบาตรเพียงแค่ตอแนตสก์และลูฮันสก์ รวมทั้งออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยการคว่ำบาตรธนาคาร VER และ PSB ไม่ให้ใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรม เรามองการคว่ำบาตรดังกล่าวที่ออกมาทั้งจากทางฝั่งสหรัฐ-ยุโรป ต่อรัสเซียโดยตรง ไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวข้ึนได้ในระยะสั้น

อีกทั้งเราคาดว่าความกังวลดังกล่าวจะเริ่มทำให้ตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรง ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) หากวิกฤตยูเครนยืดเยื้อ – ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเราคาดว่าจะหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดว่า FED ยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. น้ี และจะข้ึนต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังเราแนะนำประเมินทิศทางเงินเฟ้ออีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังวุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้รัสเซียสามารถใช้กองทัพนอกประเทศเพื่อสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความตึงเครียดในสถานการณ์ดังกล่าวได้ต่อไปอีกระยะ

ทางด้านราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวน ปิดที่ระดับ 91.91 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.70 ดอลลาร์ (1.88%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากวิกฤตยูเครน อย่างไรก็ตาม เรามองแนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกคร้ังของอิหร่าน คาดจะยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาน้ำมันดิบ- หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่สภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ออกมา +1.9% YoY หรือ +1.8% QoQ ทำให้ทั้งปี’64 +1.6% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64 และจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่คาดการณ์ปี’65 ยังคงขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน คาดจะยังเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยได้ต่อ

ขณะที่วันนี้ต้องติดตามการประชุม ศบค. อย่างใกล้ชิด หลัง สธ. ประกาศเตือนภัย COVID-19 ระดับ 4 โดยยกระดับจังหวัดเสี่ยงสูงเป็นทุกจังหวัด หลังผู้ติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวข้ึนเร็วในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะเร่งตัวข้ึนแรงได้อีกในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า คาดจะกระตุ้นความกังวลการออกมาตรการท่ีคุมเข้มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาด ศบค. จะไม่ออกมาตรการ Lockdown รอบใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายได้ในระยะถัดไป

ท้ังนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่เร่ิมกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลัง Valuation ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ โดย Price/Sale ของกลุ่มอยู่ท่ีระดับ 0.86 เท่า หรืออยู่ที่บริเวณ -2 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ 1.34 เท่า อีกทั้งคาดผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL”

แนวรับ 66.50 / 65.50 Target 70.50 / 75.00 Stop <65.00

- Advertisement -