KS Daily View 23.02.2022 >>> ติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน เรามองเป็นโอกาสทยอยลงทุนเมื่อตลาดปรับย่อตัวลง/ ติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศ/ SET คาด 1690-1700 หุ้นแนะนำ BH
ตลาดต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 -1.01% และดัชนี Nasdaq -1.23% ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
อัพเดทสถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-นาโต้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนประกาศมาตรคว่ำบาตรธนาคาร VEB ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย และคว่ำบาตรธนาคาร PSB ซึ่งเป็นธนาคารของกองทัพรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารทั้งสองแห่งไม่สามารถทำธุรกรรมในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้ นอกจากนี้ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้รัสเซียที่ให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์
มุมมองของเราต่อความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน แบ่งเป็น 3 กรณี 1) รัสเซียบุกบางส่วนของยูเครน 2) รัสเซียบุกทั้งประเทศยูเครน 3) กลับมาเจรจาประณีประนอมกันได้ระหว่างรัสเซีย-นาโต้ ทั้งนี้เราประเมินว่าสถาณการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าทางฝั่งนาโต้จะตอบโต้อย่างไร จะยอมปฏิเสธการพิจารณาเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ของยุเครนหรือไม่ ทั้งนี้เราศึกษาการเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ใกล้เคียงกัน 4 ครั้งในอดีตพบว่าทั้งดัชนี MSCI Asia-ex Japan และ SET index ปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ 10% โดยใช้ระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 35 วันที่ดัชนีจะฟื้นตัวกลับไปอยู่ก่อนระดับเกิดเหตุ
คำแนะนำการลงทุน “Buy the dip” หรือทยอยซื้อสะสมเมื่อตลาดหุ้นย่อตัวลง โดยเราให้แนวรับ SET index ที่ระดับ 1,650-1,680 เนื่องจากทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศมักเป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุน ทั้งนี้ความตึงเครียดในปัจจุบันหากยืดเยื้อจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, BCP, TOP) แต่จะกดดันกลุ่ม Anti-commodities (BGRIM, GULF, GPSC, PTG, OR, EPG, PTTGC, SCC, CBG, OSP, TOA, RBF, AAV, BA) อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเราแนะนำให้หันกลับมาซื้อกลุ่ม Anti-commodities.
สิ่งที่ต้องติดตามนอกจากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนคือรายงานผลประกอบบริษัทจดทะเบียน 23 Feb (TOP, DOHOME, ERW), 24 Feb (TU, QH, SC, OSP, IRPC, MEGA) และ 25 Feb (ANAN, SPALI, CPN, LH, AAV)
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1690-1700 หุ้นแนะนำ BH
Top pick: BH (ราคาพื้นฐาน 152.00 บาท) คาดกำไร 4Q21 เพิ่มขึ้น 93% QoQ 158% YoY จากรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น.ขณะที่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราค่ารักษาโควิดลงของสปสช เนื่องจากผู้ป่วยโควิดของรพ. ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพ.
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ม.ค. คาด +15% YoY และ +20% YoY ตามลำดับ และคาดไทยขาดดุลการค้าเดือน ม.ค. จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขประมาณการ GDP 4Q21 ของสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 คาด +7% QoQ (ดีขึ้นจากครั้งก่อนที่ +2.3% QoQ) ตัวเลข New Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาด 7.5 แสนยูนิต (-8.6% MoM) ตัวเลข stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ และถ้อยแถลงของ Fed Bostic และ Fed Mester
วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข PCE Price Index ของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาด +5.9% YoY ตัวเลข Pending Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาด +0.5% MoM ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -8.2% MoM เป็น 61.7 จุด ตัวเลข Oil rig counts ของสหรัฐฯ (+10 แท่นเป็น 645 แท่น ณ 18 ก.พ.)