บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
North East Rubber (NER) กำไรปี 64 ยอดเยี่ยม กำไรปี 65 ยังดีต่อ
Company Update
ประเด็นการลงทุน
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10.70 บาท/ หุ้น อิง P/E 8.5 เท่าไว้เช่นเดิม โดยหลังจาก NER รายงานกำไรสุทธิปี 2564 และงวด 4Q64 ได้สวยงามเป็นสถิติใหม่ และสูงกว่าคาด 3.7% และ 11.2% ตามลำดับ ทิศทางปีนี้คาดกำไรจะขยายตัวต่อได้อีก +25.2% YoY ผลักดันจากกำลังการผลิตใหม่ 10.6% และทิศทางราคายางพาราที่ขยับตัวขึ้นยืนในระดับสูง +15.7% YTD สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งแนวโน้มนี้จะดีต่อ NER ในการบริหารมาร์จิ้นให้ยืนสูงได้อาจจะได้ตลอดปีอีกด้วย
รายงานกำไรเป็นสถิติใหม่ตามที่มองไว้ และสูงกว่าคาด 11.2%
NER รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 605 ลบ. ขยายตัวแกร่ง +37.3% QoQ และ +43.4% YoY เป็นสถิติใหม่ของบริษัท และสูงกว่าคาดของเรา 11.2% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นทำได้สูงถึง 14.4% สูงกว่าคาด 40bps ขณะที่ปริมาณส่งมอบยางใกล้เคียงที่คาด 1.07 แสนตัน ส่งผลให้ในภาพรวมปี 2564 NER มีกำไรสุทธิ 1,850 ลบ. ขยายตัว +115.5% YoY และสูงกว่าคาด 3.7% ซึ่งเป็นปีที่ NER ได้ใช้กำลังการผลิต 465,000 ตันอย่างเต็มที่ และได้อานิสงค์ของราคายางพารายืนสูง ทำให้การกำหนดมาร์จิ้นสำหรับการขายแบบ matching ทำได้ดีน่าพอใจ
แนวโน้มปี 2565 โตต่อด้วยกำลังการผลิตใหม่อีก 10.6%
ในปีนี้ ผบห.ตั้งเป้ายอดขาย 5 แสนตัน เพิ่มขึ้น +10.6% YoY โดยกำลังการผลิตรวมจะขยายอีก 10.7% จากการเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่ง TSR20 อีก 50,000 ตัน ใช้เงินทุน 70 ลบ. ขณะที่การติดตั้งเครื่องจักรโครงการแผ่นปูรองปศุสัตว์ส่วนที่เหลือจะเสร็จ 2Q65 นอกจากนี้จะมีการติดตั้งโซล่าเซลล์ 100 ลบ. เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าอีกปีละ 12 ลบ. มีการลงทุนหุ่นยนต์ดึงยาง 40 ลบ. และจะจัดตั้งศูนย์วิจัย R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำเงินลงทุน 100 ลบ. อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผบห.เผยว่าได้ปรับเป้าขายแผ่นรองนอนวัวลง 100 ลบ. เป็น 400 ลบ. ปีนี้ เนื่องจากการติดตั้งเครื่องจักรที่ล่าช้าไปเล็กน้อย แต่เรามองว่าไม่มีนัยสำคัญเพราะคิดเป็นเพียง 0.3% ของประมาณการรายได้ปีนี้
ราคายางปีนี้สดใส ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 15.7%
เราปรับปรุงประมาณการขึ้นเล็กน้อย 0.7% เป็น 2,317 ลบ. หลังพบแนวโน้มว่าของราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว 15.7% จากสิ้นปี 2564 สอดคล้องกับทิศทางน้ำมันดิบ ทำให้โอกาสที่ NER จะบริหารมาร์จิ้นในระดับสูงได้ง่ายขึ้น เราปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 40bps เป็น 13.4% ปีนี้ เทียบกับ 14.4% ใน 4Q64 และเฉลี่ย 13.2% ในปี 2564 อย่างไรก็ดี เมื่อรวมผลของ dilution effect ของ NER-W1 ที่เหลือใช้สิทธิ พ.ค. 65 สุดท้ายนี้ได้ 87.3 ล้านหุ้น ราคาเหมาะสมจึงยังคงอยู่ที่เดิม 10.70 บาท/หุ้น อิง P/E 8.5 เท่าเช่นเดิม