Wait & See เช่นเดิม แต่ระยะสั้นแนะ BCH
เมื่อคืนท่ีผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับฐานลง 1.38% หลังมีรายงานออกมาว่ายูเครนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว และมีรายงานเพิ่มเติมว่าทางรัสเซียได้เริ่มสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตรัสเซียที่ประจำอยู่ในกรุงเคียฟ (เมืองหลวงของยูเครน) ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียอาจบุกเข้ายูเครนในไม่ช้า ด้านทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ Vix Index ปรับตัวขึ้นโดดเด่นเช่นกัน เป็นการสะท้อนถึงภาวะท่ีนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง ทั้งนี้เรื่องของยูเครน-รสัเซีย เราเช่ือว่าจะเป็นปัจจัยที่ยืดเยื้อ เพราะความต้องการของรัสเซียคือไม่ต้องการให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO และอีกปัจจัยคือ ต้องการรื้อฟื้นจักรวรรดินิยมแบบโซเวียตกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับที่ได้ดินแดนไครเมียไป แล้ว ซึ่งเดิมที พื้นที่ไครเมียเป็นของยูเครน (โซเวียตคือรัฐสังคมนิยม ประกอบด้วยรัสเซีย ยูเครน ทรานส์คอเคซัส) อนึ่ง กองกำลังของรัสเซียเมื่อเทียบกับยูเครนแล้ว ต้องถือว่ารัสเซียมีกองกำลัง ทั้งอาวุธ รถถัง จำนวนทหาร เครื่องบินโจมตี ที่สูงกว่ายูเครนหลายเท่าตัว ดังนั้นยูเครนย่อมรู้ดีว่าหากทำสงครามไปก็มีแต่โอกาสจะแพ้ ด้าน EU เองก็ไม่กล้าที่จะให้ความช่วยเหลือยูเครนเต็มที่เท่าใดนัก เพราะประเทศ EU ส่วนใหญ่นั้นพึ่งพิงแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียในสัดส่วนสูง และจะเห็นว่าไม่มีชาติไหนกล้าที่จะคว่ำบาตรรัสเซียในด้านพลังงาน เพราะรัสเซียคือผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 3 ของโลก และแก๊สธรรมชาติชอันดับ 1 หากประกาศคว่ำบาตรจะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น กระทบภาวะเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นท้ายที่สุดเชื่อว่ารัสเซีย – ยูเครน ยูเครนจะเลือกวิธีเจรจามากกว่า หากเป็นไปตามนี้ ราคาน้ำมันก็ควรเริ่มระมัดระวัง เพราะปรับตัวขึ้นมารับข่าวนี้ไปพอสมควร ขณะเดียวกัน จะเห็นว่าแม้เมื่อคืนมีข่าวว่ารัสเซียเตรียมบุก แต่ตลาดน้ำมันกลับไม่ได้ปรับตัวขึ้นโดดเด่นมาก บ่งชี้ว่าราคาน้ำมันสะท้อนปัจจัยนี้ไปพอสมควรแล้ว ด้านตลาดหุ้น Nikkei เช้านี้ปรับฐาน 1% เกาหลีใต้ 1.7% ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยเช้านี้ รายงานติดเชื้อที่ 23,557 ราย นับเป็นจำนวนสูงสุดในประวัติการ ดังนั้นปัจจัยวันนี้ค่อนข้างเป็นลบ จึงประเมิน SET ปรับตัวลงกรอบ 1687 – 1694 เชิงกลยทุธ์การลงทุน Wait&See เช่นเดิม จนกว่าระดับ Valuation จะน่าสนใจ ส่วนระยะสั้นแนะกลุ่มโรงพยาบาล (BCH CHG)
BCH (ถือ / ราคาเป้าหมาย 21 บาท) ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่การติดเชื้อ กลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ในเชิงกำไร 4Q21 คาดกำไร 4Q21 ที่ 1.3 พันล้านบาท (+384%YoY,-54%QoQ) จากอัตรากำไรที่อ่อนแอ เพราะเคสโควิด- 19 ที่ลดลง 69% แต่ได้รับการชดเชยส่วนหนึ่งจากอุปสงค์สะสมในส่วนของบริการปกติ
CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท) เล็งเห็นโมเมนตั้มใน 1Q22 จากปัจจัยด้านโอมิครอน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นราว 7 พันถึง 1.3 หมื่นเคสต่อวัน บวกกับการจัดสรรวัคซีนที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนนี้ตั้งแต่ 1Q22 เป็นต้นไป