BEYOND ผู้ประกอบการโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,362 ล้านบาท เติบโตกว่า 1,376% เมื่อเทียบจากปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 878 ล้านบาท เติบโต 991% จากปีก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สะท้อนความสำเร็จของแผนการปรับกลยุทธ์ธุรกิจจากธุรกิจพลังงานทดแทนไปสู่ธุรกิจโรงแรมและบริการ
ระหว่างปี 2564 BEYOND ได้ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตรวม 49.3 เมกะวัตต์ รวมมูลค่าที่จำหน่ายกว่า 2,416 ล้านบาท ซึ่งบริษัทรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยครั้งนี้ถึง 407 ล้านบาท ต่อมาในไตรมาส 4 ปี 2564 บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด และบริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด ซึ่งถือสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สิน ที่ดินและสิทธิที่ใช้ดำเนินธุรกิจโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ในสัดส่วน 76% มูลค่าการลงทุนรวม 4,180 บาท โดยบริษัทมีกำไรจากการต่อรองราคาซื้อถึง 689 ล้านบาท บันทึกในงบการเงินประจำปี 2564 จากการที่มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่บริษัทได้รับมาสูงกว่ามูลค่าที่บริษัทเข้าซื้อ
นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND กล่าวว่า “รายได้และกำไรในปี 2564 เป็นการดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่บริษัทได้วางเอาไว้นับตั้งแต่การประกาศปรับกลยุทธ์ธุรกิจเมื่อปลายปี 2563 บริษัทมุ่งจำหน่ายสินทรัพย์ในธุรกิจเดิมให้ได้ในราคาที่ดี และเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ในราคาและช่วงเวลาที่เหมาะสม นอกจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการจำหน่ายไปแล้ว BEYOND ยังมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอีกหลายรายการในมือ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินการจำหน่าย เช่น ที่ดินขนาดใหญ่ ที่จังหวัดตาก พื้นที่กว่า 1,732 ไร่ และที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง ขนาด 51 ไร่ ซึ่งจากการประเมินที่ดินทั้งสองแห่งมีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเงินสดจากการจำหน่ายสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยเสริมฐานะทางการเงินของ BEYOND ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
นางกมลวรรณ กล่าวเสริมอีกว่า “ไตรมาส 4 ปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นไตรมาสแรกที่บริษัทก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและบริการเต็มตัว การเข้าลงทุนใน 2 โครงการขนาดใหญ่อย่างโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ทำให้บริษัทมีฐานสินทรัพย์โตขึ้นเท่าตัว จากเดิมที่มีสินทรัพย์รวม 7,288 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 มาเป็น 14,106 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 แม้ว่าผลประกอบการจากธุรกิจโรงแรมที่บริษัทเริ่มควบรวมงบการเงินเข้ามาจะยังไม่สะท้อนมาในเชิงบวก เนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมยังคงเผชิญอยู่กับความกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 แต่ผลกระทบระยะสั้นนี้เป็นสิ่งที่บริษัทคาดการณ์และเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว บริษัทได้มีการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่การขออนุมัติเข้าลงทุนในธุรกิจนี้ว่าบริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการจากธุรกิจโรงแรมจะยังคงขาดทุนในปี 2565 – 2566
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนรับมือเรื่องสภาพคล่องของโรงแรมทั้งสองอย่างรัดกุมไว้เรียบร้อยแล้ว และบริษัทคาดการณ์ว่า EBITDA จะเริ่มกลับมาเป็นบวกในปีนี้ โดยหากสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นกว่าที่เราคาด ก็อาจจะได้เห็นโรงแรมพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรได้เร็ว แม้ในสถานการณ์ COVID-19 โรงแรมทั้งสองแห่งยังคงมีรายรับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยงเป็นรายได้หลักในขณะนี้ เนื่องจากทั้งสองโรงแรมมีห้องอาหารและบาร์ที่มีชื่อเสียง ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ อย่างรางวัล Michelin Star และในส่วนของห้องจัดเลี้ยง แม้ว่าโรงแรมจะพึ่งเปิดตัวมาเพียง 1 ปี แต่ห้องจัดเลี้ยงของทั้งสองโรงแรมก็ก้าวขึ้นเป็น Wedding destination ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จุดแข็งเหล่านี้ทำให้บริษัทไม่ได้พึ่งพาเฉพาะรายได้จากห้องพักเพียงอย่างเดียว ในส่วนของห้องพัก บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของอัตราการเข้าพักแม้ยังไม่เปิดประเทศเต็มตัว ซึ่งสะท้อนศักยภาพของสินทรัพย์ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนได้เป็นอย่างดี