Daily Focus Value and Domestic Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปิดลบแรง -33.73 จุด หลังรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน ทำให้มีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนัก สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ.และ 3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short SET50 Index Futures 6.9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound หลังทดสอบแนวรับหลัก 1,660+- จุดและเริ่มมีแรงซื้อ โดยกรอบการ Rebound อยู่ที่ 1,675+- จุด โดยมี Sentiment บวกหนุนบ้างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่พลิกมาบวกแรง อย่างไรก็ตาม ประเด็นกดดันระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงตึงเครียดหลังจากต่อสู้ลุกลาม ขณะที่ชาติตะวันตกคว่ำบัตรรัสเซียเข้มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป ส่งผลให้ราคา Commodity ปรับตัวขึ้นแรง และกดดันต้นทุนสําหรับภาคการผลิต และลามไปถึงเงินเฟ้อในอนาคต นอกจากนี้เราคาดตลาดจะเริ่มกลับมากังวลการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในเดือน มี.ค. และมีโอกาสขึ้นทุกๆการประชุมในปีนี้ ส่วนคืนนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯเดือน ม.ค. ส่วนปัจจัยในประเทศยังมองการเร่งขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะหากไม่ Lockdown ยังมองหุ้น Value และ Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่ม Commodity ต้นน้ำ ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ คาดว่ายังเคลื่อนไหวแข็งกว่าตลาด
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS
หุ้นเด่นวันนี้ : TOP
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 67 บาท
- ระยะสั้นคาดว่ากลุ่มพลังงานเป็น Sector ที่จะ Outperform ท่ามกลางความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุด Brent ทะลุ US$100 ต่อบาร์เรล
- แนวโน้มกำไร 1022 จะเร่งตัวหนุนจากทั้ง Stock Gain รวมถึงค่าการการที่ยืนสูง ระดับ US$6-7 บาร์เรล ซึ่งสามารถชดเชยธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังไม่โดดเด่นได้ ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PBV เพียง 0.8 เท่าช่วยจํากัด Downside
- แนวรับ 52.25 บาท แนวต้าน 54-54.75 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคและเร่งตัวขึ้นเป็น US$2,707 ล้าน ยังคงนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$2,009 ล้าน และ US$676 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนยังไหลเข้าอินโดนีเซีย US$62 ล้าน แต่ไหลออกจากไทย US$91 ล้าน ตามลำดับ ถูกกดดันหลังรัสเซียเริ่มโจมตียูเครน แนวโน้มของกระแสเงินทุน วันนี้คาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก และยังต้องจับตาสถานการณ์ว่าจะรุนแรงลุกลามมากขึ้นหรือไม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) CPALL กำไรสุทธิ +349% Q-Q, +88% Y-Y ส่วนกำไรปกติ 2.8 พันลบ.ฟื้นตัวแรง Q-Q ตามคาด แนวโน้ม 1Q22 และปี 2022 คาดเร่งตัวขึ้นตามการ Reopening และสถานการณ์ที่กลับเป็นปกติ ราคาเป้าหมาย FSSIA ยังอยู่ที่ 82 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) EA กำไร 4Q21 +16% Q-Q, +27% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด 10% หนุนจากโรงไฟฟ้าลมและแดดที่ดีขึ้น รวมถึงราคาไบโอดีเซลที่สูงขึ้น จบปี 2021 กำไร +17% Y-Y โมเมนตัมปี 2022 คาดยังแข็งแรงและเริ่มเห็นการเติบโตและกำไรจากธุรกิจ EV มากขึ้น และยังเป็น Top Pick ของกลุ่ม EVs Play คงราคาเป้าหมาย 122 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) (กรรมการผู้อำนวยการของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระ และ กรรมการตรวจสอบของ EA)
(+) EKH กำไรสุทธิ 4Q21 –43% Q-Q, +96% Y-Y หากตัดกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนออก กำไรปกติ +22% Y-Y ยังแข็งแรงตามคาด จบปี 2021 กำไรปกติ +328% Y-Y แนวโน้มปี 2022 จะอ่อนตัวจากฐานสูง แต่ยังดีกว่าช่วงก่อนโควิด คงราคาเป้าหมาย 9.40 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) SYNEX กำไร 4Q21 +36% Q-Q, +53% Y-Y ดีกว่าคาด 10% และทำ New High จากทั้งรายได้และฝั่ง Margin ทั้ง iPhone ใหม่ และสินค้าคอมประคอม หนุนทั้งปี 2021 +33% Y-Y แนวโน้มปี 2022 คาดโตต่อเนื่องแต่อัตราจะเริ่มขะลอลงเหลือ +21% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมาย 32 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) OSP การประชุมนักวิเคราะห์โทนเป็นบวก โดยตลาดเครื่องดื่มในประเทศมีการเติบโตที่แข็งแรงต่อเนื่องใน 1Q22 ขณะที่กลยุทธ์สำคัญที่จะหนุนการเติบโตของรายได้ และ Margin คือ M-150 ใหม่ราคา 12 บาท (เดิม 10 บาท) ซึ่งเราคาดว่าผู้เล่นอื่นในตลาดจะพร้อมใจกันออกเครื่อมดื่มใหม่ และปรับราคาขึ้นเช่นกัน เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เรามองเป็นบวกต่อการเติบโตทั้งอุตสาหกรรม ราคาเป้าหมายของ FSSIA อยู่ที่ 42 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 92.07 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 33,223.83 จุด ท่ามกลางจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ดี ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้าย ตลาด รวมถึงเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 GDP 4Q21 ของสหรัฐ ขยายตัว 7.0% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ 6.9%
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลักๆจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์ หลังรัสเซียบุกโจมตียูเครน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ และฟื้นตัวหลังปรับลงรับข่าวความตึงเครียดในยูเครนในช่วงก่อนหน้า
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 92.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ารัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI สูงกว่าระดับ 100 ดอลลาร์ในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.9 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 1,926.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,029.31 / +-