บล.กรุงศรีฯ:
กลุ่มอุตสาหกรรม | อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง |
หุ้น | QH |
มูลค่าพื้นฐาน | 2.20 |
คำแนะนำ | HOLD |
QH ประกาศแผนเปิดโครงการใหม่ปี 2022 เชิงรุกมากขึ้นแต่หลักๆมาจากฐานที่ต่ำจากมาตรการ lockdown ในปีที่แล้ว ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนถึงทิศทางจริงของธุรกิจ เราประเมินการฟื้นตัวของกำไรในปี FY22 จะยังขึ้นอยู่กับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกเป็นหลัก เนื่องจากราคาหุ้นไม่มี upside และขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น เราจึงยังคงคำแนะนำแค่ ถือ สำหรับ QH โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 2.20 บาท
ผลประกอบการอ่อนแอต่อเนื่องเป็นปีที่สาม
QH เปิดโครงการใหม่เพียง 2 โครงการในปี 2021 มูลค่ารวม 2.5 พันลบ. ลดลง 44% yoy ในขณะที่ยอด presales ลดลง 14% yoy และ ยอดโอนลดลง 12% yoy เหลือ 7.5 พันลบ.เท่ากัน ซึ่งการที่ทั้ง presales และยอดโอนของ QH มีแนวโน้มลดลงเป็นเพราะบริษัทมีการเปิดโครงการใหม่น้อยลง ซึ่งเฉลี่ยเพียง 7 พันลบ.ต่อปีในช่วงปี 2016-2021 จากก่อนหน้านั้นที่เคยเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึงปีละ 2 หมื่นลบ. ทั้งนี้ผู้บริหารพยายามลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงลงพยุงกำไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เหมือนมาถึงจุดที่ลดไม่ได้อีกทำให้กำไรก็ลดลงตลอดสามปีที่ผ่านมา
การเปิดโครงการใหม่ปีนี้อาจจะไม่ได้สะท้อนการเดินเกมรุกของบริษัท
QH ประกาศกลยุทธ์ปี FY22 โดยจะเปิดโครงการใหม่ 9.5 พันลบ. (+273% yoy) พร้อมทั้งตั้งเป้ายอด presales ที่ 9.2 พันลบ. (+23% yoy) และยอดโอนที่ 9 พันลบ. (+20% yoy) ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นที่ผู้มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง หลังจากที่กลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำประสบปัญหาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูง โดยราคาขายเฉลี่ยของโครงการที่จะเปิดใหม่จะเพิ่มเป็น 6.9 ลบ. ในปี 2022 จาก 3.4 ลบ. ในปี 2021 อย่างไรก็ตาม สาหตุสำคัญที่ทำให้ยอดเปิดโครงการใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเพราะฐานต่ำจากมาตรการ lockdown ในปีที่แล้ว ซึ่งทำให่เรามองว่าแผนการเปิดตัวที่เพิ่มขึ้นมากอาจจะไม่ได้สะท้อนถึงทิศทางธุรกิจของบริษัท
ราคาหุ้นไม่มี upside แม้จะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังผ่านช่วง lockdown
เนื่องจากมูลค่าหุ้นไม่มี upside อีกทั้งขาดปัจจัยเชิงบวกกระตุ้นในระยะสั้น เราจึงยังคงคำแนะนำแค่ “ถือ” สำหรับ QH โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 2.20 บาท อิงจาก PER ระยะยาวที่ 11x ถึงแม้ว่า QH จะประกาศแผนเปิดโครงการใหม่มากกว่าที่เราคาดไว้ ซึ่งอาจจะทำให้ยอดโอนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้เดิม แต่เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรของเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมีแนวโน้มว่ายอดโอนที่เพิ่มขึ้นเพราะจะถูกหักล้างโดย OPEX ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกิจกรรมการเปิดตัวโครงการใหม่ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด นอกจากนี้ ผลประกอบการปีนี้ที่เราคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น 24% ส่วนใหญ่ก็ยังขึ้นกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกในเครือเป็นหลัก