บล.พาย:

บมจ.ช.การช่าง (CK) “Backlog สูงสุดในรอบ 3 ปี”

4Q21 กำไรสุทธิ 105 ลบ. (-62%QoQ)

CK มีกำไรสุทธิงวด 4Q21 ที่ 105 ลบ. พลิกจากที่ขาดทุน 115 ลบ. ใน 4Q20 แต่ลดลง 62%YoY แต่ถ้าไม่นับกำไรจากการขายที่ดิน 203 ลบ. กำไรจากการ ขายเงินลงทุน 77 ลบ. จะมีผลขาดทุน 160 ลบ. ขาดทุนตามที่เราคาดไว้ สาเหตุหลักมาจากการไม่มีรายได้เงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน CKP ที่ลดลง รายได้อยู่ที่ 3,557 ลบ. (-11%YoY, +41%QoQ) โตขึ้น QoQ เพราะไม่มีการปิดแคมป์คนงานและงานใหม่อย่างอุโมงค์ส่งน้ำมีความคืบหน้ามากขึ้น

กำไรขั้นต้นที่ 7.2% ลดลงจาก 7.6% ใน 4Q20 และ 8.2% ใน 3Q21 ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 501 ลบ. (-6%YoY, +13%QoQ) รวมแล้ว CK มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 244 ลบ. ลดลงจาก 258 ลบ. ใน 4Q20 แต่เพิ่มขึ้นจาก 239 ลบ. ใน 3Q21 รายการอื่นๆ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมอยู่ที่ 190 ลบ.(-24%YoY, -56%QoQ) รวมทั้งปี 21 CK มีรายได้ 12,199 ลบ. (-27%YoY) กำไรสุทธิ 906 ลบ. (+20%YoY) แต่กำไรปกติ 144 ลบ. (-63%YoY)

Backlog 45,000 ลบ. แต่ยังมีรอเช็นอีก

หลังจากในช่วงปลายปี CK มีการเซ็นสัญญางานรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงของเข้ามา 2 สัญญา มูลค่ารวมกันกว่า 22,000 ลบ. ทำให้ Backlog ณ สิ้นปี 21 อยู่ที่ 45,819 ลบ. สูงสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ยังมีงานที่รอเซ็น สัญญาอีก 2 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ที่เสนอราคาต่ำสุด 2 สัญญา มูลค่ารวมกันกว่า 33,000 ลบ. (แต่ต้องแบ่งกับ STEC อีกที ถ้าอิงกับสายสีส้มที่เคยประมูลร่วมกันมา คาดว่าจะเป็นของ CK ประมาณ 19,700 ลบ.) คาดว่าจะเซ็นสัญญากันภายในสัปดาห์นี้ และงานเขื่อนหลวงพระบางมูลค่ากว่า 70,000 ลบ. จะทำให้ Backlog ปรับเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 130,000 ลบ. สำหรับงานใหม่ที่คาดว่าจะเปิดประมูลนั้นทาง CK มองว่าจะมีงานสายสีส้ม ส่วนตะวันตกมูลค่ากว่า 120,000 ลบ. งานคลองระบายน้ำ บางบาล-บางไทร ที่เหลืออีก 3 สัญญา มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ลบ. งานมอเตอร์เวย์มี 2 เส้นทางคือ M9 (บางขุนเทียน-บางบัว) มูลค่า 46,000 ลบ. M5 (รังสิต-บางปะอิน) มูลค่า 25,000 ลบ. ทั้ง 2 โครงการจะเข้าประมูลร่วมกับ BEM ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในช่วง 2H22 เป็นต้นไป ยกเว้นงานคลองระบายน้ำที่อาจจะเห็นในช่วง 1H22 นี้

ต้นทุนขึ้น แต่หลายงานมีค่าเคมาช่วย

สำหรับปัญหาเรื่องต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหล็กหรือปูนซีเมนต์ ทาง CK แจ้งว่างานขนาดใหญ่หลายงานมีเงื่อนไขการขอปรับราคาหากต้นทุนเพิ่ม (ค่าเค) ได้ อย่างเช่น รถไฟทางคู่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาไป ทำให้ช่วยลดผลกระทบดังกล่าวลงได้ โดยต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ก่อสร้างมีสัดส่วนประมาณ 13% ของต้นทุนรวม (ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นในส่วนของการ Subcontract)

ปรับประมาณการลงรอเช็นหลวงพระบาง

เราปรับประมาณการลง หลังจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่างานขนาดใหญ่บางงานยังต้องรอการส่งมอบพื้นที่ ทำให้ในช่วงแรกรายได้อาจจะยังไม่มากนัก โดยคาดรายได้ลงจากเดิม 3% มาอยู่ที่ 12,709 ลบ. (+4%YoY) และได้กำไรสุทธิใหม่ 767 ลบ. (-15%YoY แต่ถ้านับเฉพาะกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 433%YoY) ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะทำให้รายได้ออกมามากกว่าที่เราประเมินไว้ คือ การเซ็นสัญญาโครงการเขื่อนหลวงพระบาง ที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างล่วงหน้าไปแล้วกว่า 3,000 ลบ. หากมีการเซ็นสัญญาเข้ามาจะทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ทันที สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยฐาน Backlog ที่ดี รวมกับผลประกอบการของบริษัทร่วมที่ฟื้นตัว ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 26.30 บาท ทั้งนี้ CK ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาท/หุ้น XD 14 มี.ค. และจ่าย 23 พ.ค.

- Advertisement -