บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Upgrade)
TP upside (downside) +14.1%
Close Mar 9, 2022 Price (THB) 47.75
12M Target (THB) 54.50
Previous Target (THB) 54.50
What’s new?
- แนวโน้มกำไร 1Q65 ยังยืนสูงหรืออาจทำ New high ได้จากแรงลมของ BKR2 เดือน ม.ค. แรงกว่าค่าเฉลี่ยใน 4Q64 แนวโน้ม 2Q65 กำไรอาจไม่ลดลง QoQ เพราะมีโครงการ IPP หน่วยใหม่ เริ่ม COD เต็มไตรมาส
- คาดว่าหลายโครงการทั้งโรงไฟฟ้า และธุรกิจใหม่ จะเริ่มทยอยมีความคืบหน้าในช่วง 1-2 เดือนนี้ เป็น Upside risk ต่อประมาณการ
Our view
- คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ GULF
- ในเชิงพื้นฐานได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันจำกัด แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงราว 9% จากราคาสูงสุดที่ 52 บาท ทำให้มี Upside gain เพิ่มขึ้นเป็น 14.1% จึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก TRADING เป็น ชื้อ
GULF ENERGY DEVELOPMENT โอกาสการสะสมรอบใหม่
1Q65 กำไรทรงตัวสูง และอาจลุ้นทำ New high ได้ต่อ
เราคาดกำไรปกติ 1Q65 มีโอกาสทรงตัวที่ระดับ 2,700 ลบ. หรืออาจทำ New high ใหม่ได้เนื่องจาก 1) โครงการ BKR2 ยังมีกระแสลมที่ดีมาก และดีกว่าค่าเฉลี่ยใน 4Q64 โดยเดือน ม.ค. มี Capacity factor สูงถึงราว 52% เทียบกับค่าเฉลี่ย 4Q64 ที่ 40% ทำให้ค่าเฉลี่ยทั้ง 1Q65 อาจสูงกว่า 4Q64 ได้ 2) ผลของฤดูกาลทำให้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามกลับมาเติบโต 3) GSRC (โรงไฟฟ้า IPP) หน่วยที่ 2 ที่เริ่ม COD ตามแผนในวันที่ 1 ต.ค. 2564 ขนาด 464 Mwe คาดว่าจะมีปริมาณการใช้ไฟเพิ่มขึ้น เนื่องจาก 4Q64 มีวันหยุดจำนวนมาก ทั้งลูกค้ากลุ่ม EGAT และ IU และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH คาดที่ 1,000 – 1,100 ลบ. ทรงตัว QoQ แต่จะหนุนกำไรเพิ่มขึ้นสูง YoY เพราะ 1Q64 ไม่มีทั้งส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจาก INTUCH สำหรับการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการจำหน่ายไฟให้ EGAT โดยมีสัดส่วนลูกค้า IU เพียง 10% ส่วนแนวโน้ม 2Q65 กำไรปกติอาจจะไม่ลดลงแรง QoQ แต่เติบโตสูง YoY เพราะแม้ว่าจะเข้าสู่ Low season ของ BKR2 แต่จะมีการ COD โครงการ GSRC หน่วยที่ 3 อีก 662.5MW เข้ามาเต็มไตรมาส และโครงการลมในเวียดนามขนาด 128MW จะเริ่ม COD บางส่วนใน 2Q65
ยังลงทุนได้อีกแสนล้าน… หลายโครงการอาจมีความคืบหน้าเร็วๆนี้
GULF มีอัตราส่วน Net IBD/E ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ระดับ 1.86 เท่า เทียบกับ Debt covenant ที่ 3.5 เท่า ทำให้ GULF ยังมีเงินลงทุนในโครงการอื่นได้อีกไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนตามแผนงานราว 7 – 8 หมื่นลบ. ภายในปี 2574 ซึ่งไม่รวมโครงการ M&A อื่นๆ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน MW จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2573 โดยมีโครงการขนาดใหญ่ คือ เขื่อนใน สปป.ลาว 2 แห่ง คือ 1) โครงการปากลายขนาด 770MW มีการลงนามใน Tariff MOU แล้ว และคาดว่าจะได้สัญญา PPA จาก EGAT ภายในปีนี้ และ 2) โครงการปากแบงขนาด 912MW คาดว่าจะลงนาม Tariff MOU กับ EGAT ได้ภายใน 1 – 2 เดือนนี้ และได้ PPA ได้ภายในปีนี้เช่นกัน (รวมในประมาณการแล้ว) นอกจากนี้ โครงการพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างศึกษา และคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1H65 ราว 1,000MW ซึ่งความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ได้กระทบให้โครงการต่างๆ ล่าช้าออกไป จึงเป็น Upside risk ที่มีนัยสำคัญต่อประมาณการ ขณะที่การจับมือกับพันธมิตรทางด้านธุรกิจ IT และ Digital assets คาดว่าจะมีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญในช่วง 1 – 2 เดือนนี้เช่นกัน และยังไม่รวมในประมาณการของเรา และ Consensus
การปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม… ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ
ราคาหุ้นปรับตัวลงราว 9% จากระดับสูงสุดที่ 52.00 บาท จากประเด็นความตึงเครียดในรัสเซียและยูเครน แต่ผลกระทบในเชิงปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างจำกัด ทำให้ปัจจุบันกลับมาซื้อขายที่ PER65 เพียง 38 เท่า จากปกติที่ 45 – 50 เท่า และมี Upside gain จากราคาเป้าหมายของเรา 14.1% จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ โดยยังคงประมาณการ และคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 54.50 บาท