Market Overview
Market wrap & Outlook
วานนี้ตลาดแกว่งแดนบวกตามคาด นำโดยกลุ่มพลังงาน PTTEP TOP IVL GULF GPSC และอื่นๆ BDMS PTTGC SCC MINT BLA ส่วนด้านลบกดดันตลาดมี BANPU KBANK SCB BBL PSH JTS และหุ้นบวกแรงกว่าตลาด TRC TPLAS UPA INSET (รับข่าวย้ายเข้ากลุ่ม Tech.)
วันนี้คาดดัชนีลง แม้การเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เมื่อคืนคว่ำน้ำเหลว และส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาตลาดหุ้นทั่วโลกให้กลับมาผันผวนเชิงลบอีกครั้ง แต่กลยุทธ์คงมองว่าไม่ว่าผลการเจรจาสุดท้ายจะจบแบบใดก็ตาม ต้นทุนที่พุ่งขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรจะคงอยู่กับเราต่อไปแน่นอน….
ดังนั้นเราไม่จําเป็นต้องหมุนการเก็งกำไรตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่เน้นสะสมหุ้น “Outperform” ตามรายงานกลยุทธ์ EP1
ซึ่งวันนี้ เราจะเพิ่มรายละเอียด EP2 ที่รวบรวมผ่านมุมมองผู้บริหาร บจ. ต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก-หากสถานการณ์ต้นทุนยังสูงอยู่แบบนี้พบว่า Direct effect จากต้นทุนที่พุ่งขึ้นตอนนี้ยังบริหารจัดการได้ พิจารณาจาก
จากการสํารวจมุมมองนักวิเคราะห์ของเราผ่านโครงสร้างต้นทุนบริษัทฯ เพื่อวัดระดับผลกระทบจากต้นทุนที่พุ่งขึ้นรอบนี้ ทั้งน้ำมันในการขนส่ง, ต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบในการผลิต ฯลฯ พบว่าบริษัทที่เราศึกษา 67% มีต้นทุนน้ำมัน ขนส่งเกี่ยวโยงน้ำมัน (เช่น แก๊ส, น้ำมัน) น้อยกว่า 10% ขณะที่ 63% มองว่าต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ ในการผลิตคิดเป็นน้อยกว่า 10% ดังนั้น เรามองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นรอบนี้ยังอยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้…ดูรายงาน Tactical play วันนี้
What to watch
- การเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ไม่มีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศ
- ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในวันพฤหัสบดี (10 ม.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในไตรมาส 3 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากพุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. สูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
หุ้นแนะนำวันนี้
CPALL แนวโน้มผลการดำเนินงาน 10 ต่อเนื่อง 2Q22 มีโอกาสทําได้ดีกว่าคาดจาก บทสัมภาษณ์ ผทบ.แจ้ง SSSG ที่ดีขึ้น
Global Investing News
Tesla (TSLA) ปรับราคารถ EV รุ่น Model 3 และ Model Y ในจีน ขึ้นราว RMB10,000 ส่งผลให้ราคาขายแตะ RMB349,900 และ RMB397,900 ตามลำดับ หลังต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมสูงขึ้น จากราคาแร่นิกเกิลที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตปรับตัวขึ้น ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก ทั้งนี้หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังอยู่ใน ช่วงขาขึ้นหลังจากนี้ อาจส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับราคารถขึ้นอีกในอนาคต อีกทั้งผู้ผลิตรถ EV เจ้าอื่นก็อาจมีการปรับราคาขึ้นด้วยเช่นกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
3 ดัชนีหลักกลับมาอยู่ในแดนลบอีกครั้ง นำโดย Apple (AAPL) -2.7%, Procter & Gamble (PG) -2.6% และ Intel (INTC) -2% หลังดัชนี CPI เดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 7.9%YoY อยู่ในระดับสูงสุดนับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2525 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ Fed ยังคงเดินหน้าคุมเข้มนโยบายทางการเงินต่อไป จึงแนะติดตามการประชุม FOMC วันที่ 15-16 มี.ค. นี้อย่างใกล้ชิด ด้านสงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดว่าจะยังเป็นปัจจัยที่กดดันภาพรวมตลาด หลังผลการเจราครั้งที่ 4 ที่ตุรกีวานนี้ยังไม่มีความคืบหน้า Rivian (RIVN) เผยงบ 4Q21 รายได้ออกมาน้อยกว่าตลาดคาดที่ $54mm จากการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 909 คัน ขณะที่ยังคงขาดทุนที่ $2.5bn นอกจากนี้บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำลังการผลิตในปี 65 ลงครึ่งหนึ่ง จาก 50,000 คันสู่ 25,000 คัน กดดันจากปัญหา Supply Chain ที่ทำให้ส่วนประกอบรถยนต์ขาดแคลน ส่งให้เมื่อคืนนี้หุ้นปิดลบ 6.4% และในช่วง After-Market ยังร่วงลง 12.7% ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ $113.62
ตลาดหุ้นฮ่องกง
วานนี้ดัชนีฮั่งเส็งฟื้นตัว ปิดบวกที่ 1.3% หลังปรับลงมา 4 วันติดต่อกัน นำโดย AIA (1299) +4.8%, Anta Sports (2020) +3.7% และ Ping An (2318) +3.2% จากความคาดหวังที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจจบลง แต่อย่างไรก็ดี การเจรจารอบที่ 4 ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป อาจส่งผลให้ดัชนีกลับสู่แดนลบอีกครั้งในวันนี้ ด้าน MTR (0066) +1.1% หลังเผยงบปี 55 รายได้โต 11%YoY และ HKD47.2bn และพลิกกลับมามีกำไรที่ HKD9.6bn โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงาน “Global Earnings Release”
ตลาดหุ้นเวียดนาม
วานนี้ดัชนี VN ปิดบวกที่ 0.4% นำโดยกลุ่ม Vingroup อย่าง VIC +1.4%, VHM +1.6% และ VRE +1.3% เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศอย่างเต็มตัว 15 มี.ค. นี้ อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขได้ยื่นข้อเสนอต่อทางการที่ผู้เดินทางเข้ามายังเวียดนามไม่ต้องกักตัว ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพิจารณา ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่จบลง เรามองว่าอาจส่งผลกระทบต่อการค้าของเวียดนามเพียงเล็กน้อย หลังสัดส่วนการค้าของเวียดนามกับ 2 ประเทศข้างต้นรวมกันอยู่ที่เพียง ~1% เท่านั้น