Daily Focus Domestic & defensive plays
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์แข็งแกร่งกว่าภูมิภาค โดยปิดบวก 10.93 จุด สถาบันในประเทศพลิกมาขายเล็กน้อยในตลาดหุ้น 45 ลบ. ส่วนที่นักลงทุนต่างชาติซื้อมากขึ้นเป็น 3.12 พันลบ. (และ Long SET50 Index Futures ต่อเนื่อง 1.38 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,670 จุด นักลงทุนมีความหวังที่ผู้นำสหรัฐและจีนจะประชุมหารือกันเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนวันนี้ ขณะเดียวกันก็หวังว่าราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูง อาจทำให้ Fed ผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 15-16 มี.ค.นี้ เม็ดเงินเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย (ทองคำและพันธบัตร) เข้าสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความผันผวน สงครามมีแนวโน้มยืดเยื้อ และยังต้องติดตามความเห็นของกรรมการเฟดท่านอื่นผ่าน Dot plot ว่ามองการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอย่างไร เรายังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic & defensive plays ที่กระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกและได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic & defensive plays ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : ORI
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท
- ORI เป็นมากกว่า Property player ผู้บริหารตั้งเป้า Market cap กว่า 1 แสนลบ. ภายในปี 2025 จากการเติบโตแบบ Multiverse จากธุรกิจเดิมคืออสังหาฯ และธุรกิจใหม่ Logistics, Healthcare, ประกันภัย, พลังงาน และอื่นๆ
- ส่วนเป้าปี 2022 เตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 4.2 หมื่นลบ. +137% Y-Y เป้า Presales 3.5 หมื่นลบ. +16% Y-Y และเป้ารายได้ 1.75 หมื่นลบ. +10% Y-Y เราคาดกําไร +35% Y-Y
- แนวรับ 11.20 บาท แนวต้าน 11.80 บาท
Fund Flow: วันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคเป็นปริมาณมากขึ้นเป็น US$1,354 ล้าน โดยไหลออกจากทุกประเทศ ยกเว้นไทยที่ไหลเข้า US$104.6 ล้าน ส่วนเม็ดเงินที่ไหลออกกระจุกอยู่ที่ไต้หวัน (US$821 ล้าน) และเกาหลีใต้ (US$586 ล้าน) แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลออก โดยยังมีความหวังการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐและจีน
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) กลุ่มรับเหมาฯ หลังจากรฟม.เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 6 สัญญา วงเงินรวม 8.2 หมื่นลบ. ไปเมื่อ 11 มี.ค. เราเชื่อว่าภาครัฐจะเร่งประมูลงานใหม่ใน 2H22 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของผู้รับเหมา วงเงินรวม 1.3 แสนล้านบาท เป็นงานโยธาราว 90,000-100,000 ล้านบาท คาดขายซองใน 3Q22 คาดผู้เข้าประมูลหลักเป็นกลุ่ม BEM-CK และกลุ่ม BTS ที่มีโอกาสจับมือกับ STEC เราคิดว่า BEM-CK มีแต้มต่อกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่มีโอกาสเปิดประมูล อาทิ ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง, มอเตอร์เวย์ M9 ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง รวมถึงรถไฟทางคู่เฟส 2 สายขอนแก่น-หนองคาย และสายจิระ-อุบลราชธานี ปัจจัยเสี่ยงจากราคาวัสดุก่อสร้าง เราเชื่อว่า CK กระทบน้อยสุด ส่วน STEC อ่อนไหวสุด เราคงน้ำหนัก Overweight กลุ่มรับเหมาฯ เลือก CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) เป็น Top pick
(+) KSL กำไรสุทธิ 1Q22 (พ.ย.21-ม.ค.22) พื้นดี 332 ลบ. +123% Q-Q, +7.6% Y-Y จากปริมาณขาย และราคาขายน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้การขายโมลาสและขายไฟ ปรับตัวดีขึ้นทุกธุรกิจ แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นและอาจทำจุดสูงสุดของปีใน 2Q22 (ก.พ. เม.ย. 22) ตามฤดูกาล และเริ่มมีส่วนผสมของราคาขายล็อตใหม่ที่สูงขึ้น ปัจจุบันราคาน้ำตาลโลกอยู่ที่ 19.24 เซนต์ต่อปอนด์ +2% YTD ส่วนหนึ่งจากปัญหาภัยแล้งในบราซิล เราเชื่อว่ายังทรงตัวสูงระดับ 17-19 เซนต์ต่อปอนด์ไปจนกว่าสงครามจะคลี่คลาย คงราคาเป้าหมาย 4.70 บาท แนะนำเก็งกำไร
(+) JMT ได้ประโยชน์จากการที่ธปท.อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์จัดตั้ง JV กับ AMC บริหารหนี้เสียชั่วคราวไม่เกิน 15 ปี เราเชื่อว่าปริมาณ NPL ในปี 2022 จะสูงกว่าปี 2021 จากผลกระทบของ COVID-19 ซึ่งเป็นบวกต่อธุรกิจ AMC เราคาดว่าผลประกอบการของ JMT จะยังน่าประทับใจต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปี 2022 +68% Y-Y หรือโตเฉลี่ยสูงถึง 45% ใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 2022-24) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 80 บาท จาก 70 บาท แนะนำซื้อ (Source: FSSIA)
(+) JMART เดินหน้าลงทุนใน JV กว่า 20 แห่ง แตกไลน์ธุรกิจโดยมีตั้งแต่การเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี ผลการดำเนินงานปีนี้จะมี JMT และ SINGER เป็นตัวขับเคลื่อน โดยคาดว่าจะเติบโต 45% และ 75% ตามลำดับ ขณะที่ Jay Mobile, KB J Capital และ J (Jas Asset) คาดว่าจะเติบโตเท่าตัว ส่วนธุรกิจอื่น เช่น ร้านกาแฟ J Ventures จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น 1.98 พันลบ. +79% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 62 บาท แนะนำซื้อ (Source: FSSIA)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 229.88 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 32,944.19 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน รวมถึงรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับลงเป็น 59.7 ในเดือนมี.ค. จาก 62.8 ในเดือน ก.พ. ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดว่า 61.4 ในเดือนมี.ค. ขณะที่ตลาดมุ่งความสนใจการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณเกี่ยวกับความคืบหน้าในเชิงบวกในการเจรจากับยูเครน
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.31 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 109.33 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กระทบอุปทานน้ำมัน
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 15.4 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 1,985 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับขึ้นชของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,064.15 / +2.61