บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Srinanaporn Marketing (SNNP) แนวโน้มยังเติบโตได้ดีตามแผน
Company Update
ประเด็นการลงทุน
แม้ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นแต่ SNNP ยังบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการปรับสูตรผลิตและการวางแผนร่วมในการจัดหาวัตถุดิบล่วงหน้า อีกทั้งได้ผลบวกจากการออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น แนวโน้มกำไร 1Q65 ดีต่อเนื่อง และเราคาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโตแข็งแกร่งจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้น ส่วนการลงทุนใน อินโดนีเซียและธุรกิจอาหารเสริมจะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 18.80 บาท
กำไรจะเติบโตได้ดีต่อใน 1Q65
ยอดขายในประเทศไทยช่วงเดือน ม.ค. และเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค. ทำให้ 1Q65 ยอดขายในประเทศมีโอกาสจะสูงกว่า 4Q64 และจะเติบโตดี YoY ตามการบริโภคฟื้นตัวและสินค้าใหม่ได้รับการตอบรับดี แม้ยอดขายในต่างประเทศคาดว่าจะชะลอ QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่ยังเพิ่มขึ้น YoY นอกจากนั้น SNNP มีการออกสินค้าใหม่ คือ โลตัสหนังไก่ทอด และเมจิก ฟาร์ม เฟรช น้ำผลไม้รวมผสมน้ำใบกัญชา ซึ่งเราเห็นว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทจากการที่เป็นเครื่องดื่มผสมใบกัญชารายแรกในไทย และวางขายทาง Traditional trade เป็นหลักก่อน
ยังบริหารจัดการต้นทุนได้ดีแม้ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบสูงขึ้น
การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันคาดว่าจะส่งผลกระทบจำกัดต่อ SNNP เนื่องจากต้นทุนด้านการขนส่งคิดเป็น 4% ของยอดขาย โดยบริษัทบริหารการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ผลกระทบด้านต้นทุนวัตถุดิบ (สัดส่วนประมาณ 26-30% ของยอดขาย) ที่เพิ่มสูงขึ้นจะถูกชดเชยด้วยการล็อกราคาวัตถุดิบบางส่วน การปรับสูตรผลิต และการ เจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ประกอบกับสินค้าใหม่ๆ ที่ออกขาย โดยส่วนใหญ่มีอัตรากำไรสูงกว่าสินค้าเดิม ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ SNNP ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
มีโอกาสเติบโตในตลาดอินโดนีเซีย
SNNP เริ่มส่งออก เจเล่ บิวตี้ ไปอินโดนีเซียในปีที่ผ่านมา โดยได้ผลตอบรับดี วางขายผ่านร้าน Indomaret ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในอินโดนีเซีย (18,290 สาขา ขณะที่ 7-11 มี 12,882 สาขา) ปัจจุบันสินค้าวางขายใน 10,000 สาขา และจะขยายเป็นทั่วประเทศในปีนี้ รวมทั้งเพิ่มสินค้าเจเล่รสชาติที่ 2 อีกทั้ง SNNP มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยถือหุ้น 85% และ Local partner ซึ่งทำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในอินโดนีเซีย ถือหุ้น 15% เพื่อลงทุนผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเจเลในอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ความเสี่ยง การระบาดของโควิด ต้นทุนเพิ่มอย่างมีนัยยะ การลงทุนต่างประเทศ