Daily Focus Value and Domestic Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย 2.14 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงเหลือ 6.5 หมื่นลบ. โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 741 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 934 ลบ. (และ Long SET50 Index Futures 9.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,650-1,670 จุด โดยยังคงจับตาการเจรจาระหว่างยูเครน-รัสเซียต่อในวันนี้ หลังจากยังไม่มีข้อสรุปและพักเบรคในการประชุมเมื่อวาน นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุม FED ในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก 0.25%  และเป็นรอบปรับประมาณการเศรษฐกิจ โดยรวมผลกระทบของสงครามและการคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปจาก Dot Plot และถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อช่วงเวลาในการเริ่มลดขนาดงบดุล ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาศบค.ประชุม 18 มี.ค. ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม ทำให้เรายังมองหุ้น Value และ Domestic Play จะยังสามารถปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด เรายังชอบกลุ่ม ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : BCH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 28.50 บาท
  • กำไร 1Q22 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น Q-Q จากการแพร่ระบาดของโอมิครอน ทำให้จำนวนผู้ป่วยโควิดช่วง ม.ค.-ก.พ. เพิ่มเป็น 13,500 เตียงต่อวัน (12,500 เตียงใน Hospitel + 1,000 เคียงใน รพ.) สูงกว่า 4Q21 ที่มี 3,700 เดียงต่อวัน (2,800 เดียง Hospitel + 900 เตียงใน รพ.) และสูงกว่า 3Q21 ที่มี 11,700 เตียง/วัน (10,200 เตียง Hospitel + 1,500 เตียงใน รพ.) ส่วนจำนวนผู้ตรวจเชื้อ RT-PCR เพิ่มจาก 2,200 รายต่อวันใน 4Q21 เป็น 3,700 รายต่อวันในช่วง 2M22
  • ผู้บริหารยังคงตั้งเป้ารายได้ 1.7 หมื่นลบ.ในปีนี้ มาจากรายได้ที่เกี่ยวกับโควิด 9% และไม่ใช่โควิด 72% ซึ่งหมายถึงรายได้ที่ไม่ใช่โควิดจะโตสูงถึง 38% และยังมีรายได้จากการ upgrade ศูนย์การแพทย์ที่รพ.เดิม และเปิดแพทย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์หัวใจ ศัลยกรรมความงาม เป็นต้น ที่รพ.ต่างๆมากขึ้น
  • แนวรับ 20.50-20.40 บาท แนวต้าน 21.1-21.30//22 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$1,359 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$618 ล้าน และ US$784 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า นำโดยอินโดนีเซียและไทย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอตัวรอดูผลการประชุม FED ในช่วง 2 วันนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มไก่ ซาอุฯอนุญาตให้นำเข้าไก่จากโรงงานไทย 11 โรง โดย CPF ได้ 6 โรง GFPT 1 โรง และ BR 1 โรง (อนุญาตเป็ดด้วย) ที่เหลือเป็น Non-listed co. เป็นข่าวดี เพราะซาอุฯเป็นตลาดใหม่ของไทย หากซาอุฯนําเข้าไก่จากยูเครนน้อยลง และหันมานําเข้าจากไทยแทน จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลา เพราะผู้ประกอบการต้องเข้าไปทำตลาดหาลูกค้าใหม่ในซาอุฯ ช่วงแรกอาจขายเป็นไก่สดแช่แข็ง เพราะมีราคาถูกและเป็นที่ต้องการของตลาดซาอุฯ ราคาเป้าหมายของ CPF อยู่ที่ 28 บาท (FSSIA) GFPT อยู่ที่ 16 บาท (FSS)

(+) GLOCON เราคาด 1Q22 พลิกเป็นกำไรเล็กน้อยยังไม่สดใสนัก เพราะยังรับรู้ขาดทุนจาก A&W จนถึง 20 มี.ค. ก่อนจะหยุดธุรกิจถาวร บวกกับมีการย้ายสายการผลิต 2 โรงงาน คาดแล้วเสร็จ มี.ค. ส่วนต้นทุนที่ปรับขึ้นทั้งวัตถุดิบสำหรับ Plastic Packaging และ RTE เฉลี่ย 5-8% ถูกหักล้างบางส่วนด้วยการปรับขึ้นราคา 3-5% แต่ยังติดตามราคาวัตถุดิบต่อเนื่องใน 2H22 เราคาดกำไรฟื้นใน 2Q22 เพราะไม่มี A&W, ย้ายโรงงานเสร็จ และรวมลูกชิ้นทิพย์เต็มไตรมาส คาดปี 2022 พลิกมีกำไรสุทธิ 173 ลบ. ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 1.3 บาท จากเดิม 1.5 บาท (อิง PE เดิม 25 เท่า) โดยรวมการแปลง GLOCON-W5 แนะนำเก็งกําไรตามเดิม

(+) IP เราปรับประมาณการกำไรปี 2022-2024 ขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 40% โดยอิงเป้าหมายทางการเงินของบริษัท โดยเฉพาะการขยายสาขาเชิงรุกของร้าน LAB Pharmacy 20 สาขาในปี 2022 และปีละ 30 สาขาในปี 2023-2024 ทำให้กำไรปี 2022 +77% Y-Y ก้าวกระโดดจากการรวม 2 โรงงาน และร้าน LAB เต็มปี และปี 2023 โตต่อเนื่อง 33% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 25 บาทจาก 22.20 บาท (DCF) แนะนำ ซื้อ

(+) JWD บอร์ดบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 0.25 บาท/หุ้น (yield 1.5%) XD 10 พ.ค. แม้จะเป็น Payout ratio 45% ลดลงจากในช่วง 3 ปีก่อนหน้าที่จ่าย 70-84% แต่นักลงทุนน่าจะคลายกังวลว่าไม่มีประเด็นเพิ่มทุน หรือแม้แต่เพิ่มทุนแบบ General mandate สะท้อนความเพียงพอของกระแสเงินสดที่จะใช้ในการดำเนินกิจการ และเผื่อ M&A ไว้บ้างแล้ว เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.05 จุด หรือ 0.003% ปิดที่ 32,945.24 จุด ปิดบวกเล็กน้อย ท่ามกลางติดตามการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15 มี.ค. และแถลงผลการประชุม 16 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ โดยนัก ลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% รวมถึงซื้อขายอย่างระมัดระวังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปรับลงกว่า 2% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากคาดหวังความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามความขัดแย้งในยูเครน รวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนเช้านี้ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, อัตราการว่างงานในเดือนม.ค.-ก.พ.

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 6.32 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดหวังความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงกดดันจากรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซิน เจิ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

(-) ราคาทองคํา COMEX ลดลง 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,960.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความคาดหวังในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนคืบหน้า

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,064.15 / +-

- Advertisement -