Market Overview
Market wrap & Outlook
วานนี้ดัชนีรีบาวด์สลับย่อ ตามคาด แต่ย่อแรงไปหน่อย…นำลงโดยกลุ่มพลังงาน PTTEP PTT BANPU GULF ธนาคาร KBANK BBL SCB และเรือฯ TTA PSL RCL ส่วนปิดบวก ได้แก่ โรงพยาบาล BDMS THG BCH CHG และหุ้นบวกแรงมี TPS NDR INSET K CHOW COMAN
วันนี้คาดดัชนีรีบาวด์สลับย่อ ตามหน้างานราคาน้ำมันดิบดำดิ่ง หุ้นพลังงานวันนี้นำลง ส่วนกลุ่มที่เล่นตรงข้ามน้ำมัน อย่าง CPALL (ต้นทุนขนส่ง] กล่องกระดาษ SCGP UTP ปูนซีเมนต์ SCC คาดบวกสวน และกลุ่ม Reopening ทยอยปรับเกณฑ์โควิดเป็นโรคประจําถิ่น ล่าสุดขยายเวลากินดื่ม จัดงานเลี้ยงเป็น 5 ทุ่มได้
What to watch
- การประชุมธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางอังกฤษคาดปรับดอกเบี้ยขึ้น ธนาคารกลางอินโดฯคงดอกเบี้ย และธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดยังไม่เร่งนโยบายการเงินเข้มงวด
- การประชุมเฟด 16 มีค.ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และคาด Dotplot บ่งชี้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีก 6 ครั้ง ในปีนี้ ถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้นช้ากว่า 5 ครั้ง คาดตลาดจะตอบรับเชิงบวก
- การเจรจารัสเซียยูเครนรอบที่ 4 ต่อเนื่องเมื่อวาน ยังคงไม่มีข้อสรุป / ปธน. “ปูติน” ต่อสายตรงประธานคณะมนตรียุโรปหารือสถานการณ์ยูเครน และได้เปิดเผยถึงการประเมินของเขาเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าว / ด้านสหรัฐและนาโต้ เตรียมประชุมแนวทางแก้ ปัญหารัสเซีย ยูเครน เพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า
หุ้นแนะนําวันนี้
- CPALL ดูรายงานวันนี้ เราเริ่มต้นคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 79 บ.
- SCGP UTP ราคาลงสะท้อนต้นทุนพลังงานไปมาก (บวกรับราคาพลังงานลง)
Tactical port: เพิ่ม CPALL
Global Investing News
Starbucks (SBUX) จับมือกับ Volvo เดินหน้าโครงการทดลองติดตั้งแท่นชาร์จรถ EV โดย Volvo จะนำเครื่องชาร์จแบบเร็ว ChargePoint DC ไปติดตั้งที่ Starbucks จํานวน 15 สาขา เพื่อศึกษาถึงการใช้งานของผู้บริโภค เนื่องจากสถานีชาร์จถูกมองว่าเป็นอุปสรรคของการใช้งานรถ EV โดยหากโครงการนำร่องประสบความสําเร็จ เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อ Starbucks ที่อาจมีจำนวนคนเข้าร้าน (traffic) เพิ่มมากขึ้นระหว่างรอการชาร์จ หนุนต่อยอดขายกาแฟ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
สหรัฐฯ เข้าสู่ช่วง Daylight Saving Time ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เป็น 20.30-03.00 น. (ตามเวลาไทย) จนถึง 6 พ.ย. 65 3 ดัชนีหลักฟื้นเมื่อคืนนี้ หลังนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่าระดับ $100 ต่อบาร์เรล จากที่พุ่งขึ้นสู่เหนือระดับ $130 ต่อบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้หุ้นพลังงานปิดลบ โดย Chevron (CVX) -5.1% และ Exxon Mobil (XOM) -5.7% ขณะที่หุ้นเทคฯ บวกดัชนี Netflix (NFLX) +3.9%, Microsoft (MSFT) +3.9% และ Meta Platforms (FB) +2.6% ก่อนการเผยผลประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อัตรา 0.25%
ตลาดหุ้นฮ่องกง
วานนี้ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 5.7% โดย Ping An (2318) -12.6%, Alibaba (9988) -11.9% และ Tencent (0700) -10.2% จากความกังวลว่าการล็อกดาวน์จะทำให้ภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย Morgan Stanley ปรับลดคาดการณ์ GDP จีน 1Q22 ลงจาก 0.6%YoY สู่ทรงตัวจากปีก่อน ร่วมด้วยความกังวลว่าจีนอาจถูกคว่ำบาตรจากนานาประเทศเช่นกัน หลังทางการจีนเผยว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้มตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เพื่อแก้ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน JD.com (9518) ประกาศเข้าซื้อหุ้นในบริษัทโลจิสติกส์ Deppon เพิ่มอีก 66.5% เป็น 99.9% ด้วยมูลค่า RMB9bn โดยเราคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อบริการโลจิสติกส์ของ JD.com ที่คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนมากขึ้น (Economies of Scale) หลัง Deppon มีศูนย์กระจายอยู่ทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ JD.com ยังได้จับมือกับบริษัทพลังงาน Sinopec ขยายการขายสินค้าแบบหลายช่องทาง (Omnichannel) โดยลูกค้าสามารถสั่งสินค้าออนไลน์และรับสินค้าได้ที่ร้าน EasyJoy ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อภายใต้ Sinopec ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ HKD353.47
ตลาดหุ้นเวียดนาม
วานนี้ดัชนี VN ฟื้น 0.5% นำโดย PNJ +4.5%, POW +4.8%, MSN +3.7% และ VJC +2.1% หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการวันแรก และทางรัฐบาลได้ยกเว้นการขอวีซ่าที่จะสามารถท่องเที่ยวในเวียดนามได้นาน 15 วัน ให้อีก 13 ประเทศ เช่น เดนมาร์ก, ฟินแลนด์ และญี่ปุ่น เป็นต้น ด้าน HPG ที่มีสัดส่วน 8% ในดัชนี VN30 ดัชนีอ้างอิงของ DR E1VFVN3001 ปรับราคาขายเหล็กเส้นและลวดเพิ่มขึ้นอีก VND600 ต่อกิโลกรัม หรือ เพิ่ม 3.3% โดยเราคาดจะเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ MWG ที่มีสัดส่วน 4.5% ในดัชนี VN30 ประกาศร่วมมือกับ Erajaya Group บริษัทค้าปลีก อุปกรณ์โทรคมนาคมในอินโดนีเซีย เพื่อจัดตั้งร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ “Era Blue” โดยคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแรกในอินโดนีเซียภายใน 2H22 ทั้งนี้เราคาดว่ายอดขายจะเติบโตไปพร้อมกับตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในอินโดนีเซียที่จะเติบโตต่อเนื่อง โดย Statista เผยตลาดดังกล่าวจะมีมูลค่า $25,210mn ในปี 59 โตเฉลี่ยปีละ 2.3% ในปี 65-69