บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action SELL

TP upside downside) -13%

Close Mar 15, 2022 Price (THB) 9.35

12M Target (THB) 8.10

Previous Target (THB) 8.10

What’s new?

  • กำไรสุทธิ 4Q64 อยู่ที่ 25 ล้านบาท -38% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล และโครงการใหญ่ ศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ถูกรับรู้ไปหมดแล้วใน 9M64 แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8% ถือเป็นการเติบโตแบบ YoY ไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันจากฐานที่ผิดปกติในปี 2563

Our view

  • คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 179 ล้านบาท ลดลง -59% YoY เพราะโครงการใหญ่ที่เลื่อนรับรู้รายได้จากปี 2563 ถูกรับรู้หมดแล้วในปี 2564 จึงทำให้ฐานสูงผิดปกติ
  • ประกาศจ่ายหุ้นปันผล 2:1 ขึ้น XD วันที่ 21 เม.ย. 2565 ส่งผลให้ราคาเหมาะสมหลังขึ้น XD จะลดลงจาก 8.10 บาท เหลือ 5.60 บาท ยังแนะนำ “ขาย” ปัจจัยเสี่ยงคือความผันผวนของค่าเงิน

BUSINESS ALIGMENT กำไรสุทธิ 4Q64 เริ่มชะลอ จากนี้โตค่อยเป็นค่อยไป

กำไรสุทธิ 4Q64 โต YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่เริ่มชะลอ QoQ

BIZ รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 25 ล้านบาท ลดลง -88% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ปกติการรับรู้รายได้จะเร่งตัวมากในไตรมาส 3 ของทุกปี เพราะเป็นไตรมาสสุดท้ายของการใช้งบประมาณภาครัฐ อีกทั้ง บริษัทไม่มีการรับรู้รายได้จากโครงการใหญ่เหมือนในช่วง 2Q-3Q64 ส่วนเมื่อเทียบ YoY ยังโต 8% ถือเป็นการเติบโตแบบ YoY ไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน จากฐานที่ผิดปกติตลอดปี 2563 เนื่องจากถูกกระทบจากการระบาดของ COVID-19

รายได้จากการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ที่ 240 ล้านบาท ลดลง -81% QoQ และ -16% YoY เพราะไม่มีการรับรู้โครงการใหญ่ แต่รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 30% QoQ และ 61% YoY อยู่ที่ 77 ล้านบาท เนื่องจากมีการให้บริการย้ายอุปกรณ์ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริการที่เกิดขึ้นไม่บ่อย ถ้าหักออก ฐานรายได้จากการซ่อมบำรุงยังอยู่ที่ระดับ 50-60 ล้านบาทต่อไตรมาส ขณะที่รายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 3% QoQ และ 57% YoY ทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 19 ล้านบาท

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 20.3% เพิ่มขึ้นจาก 19.2% ใน 3Q64 แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 21.9% ใน 4Q63 กำไรสุทธิทั้งปี 2564 อยู่ที่ 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 847% YoY เป็นระดับสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้โครงการ จัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีมูลค่าคงค้างที่รับรู้รายได้ตลอดทั้งปี 2564 อยู่ที่ 925 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งโครงการ 1,977 ล้านบาท

บริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 2:1

บริษัทประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และปันผลเป็นเงินสด 0.4278 บาทต่อหุ้น (Dilution effect ~37%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 เม.ย. 2565 และจ่ายจริงวันที่ 5 พ.ค. 2565 แต่เนื่องจากการจ่ายปันผลเป็นหุ้นจะกระทบต่อจำนวนทุนชำระแล้ว จึงต้องมีการปรับสิทธิในส่วนของ BIZ-W1 ทันทีในวันขึ้น XD ส่งผลให้ราคาใช้สิทธิลดลงเหลือ 4.6667 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 7.00 บาท) และอัตราการใช้สิทธิเป็น 1 สิทธิ ต่อ 1.50 หุ้นสามัญ (จากเดิม 1 สิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญ) โดยบริษัทจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 8 เม.ย. 2565

คงประมาณการเดิม แนะนำ ขาย

Backlog ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 อยู่ที่ 1,160 ล้านบาท มีทั้งหมด 5 โครงการ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปี ข้างหน้า และมีงานบริการซ่อมบำรุงอีกราว 200 ล้านบาทต่อปี รวมถึงรายได้จากโรงพยาบาล CAH อีกประมาณ 70-80 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้หมดแล้ว โดยเราคาดกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 179 ล้านบาท ลดลง -59% YoY ขณะที่ การกลับมาอ่อนค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว อาจกระทบต่อต้นทุนในการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นในระยะถัดไป แม้ว่าบริษัทจะมีการลดความเสี่ยงผ่านตราสารอนุพันธ์บางส่วนก็ตาม เราประเมินราคาเหมาะสมปี 2565 โดยอิง PER ที่ 20 เท่า ได้เท่ากับ 8.10 บาท (Fully Dilute จาก BIZ-W1) และประเมินราคาเหมาะสมหลังขึ้น XD จะอยู่ที่ 5.60 บาท แนะนำ “ขาย”

ความเสี่ยง การชะลอโครงการลงทุนของภาครัฐ, การแข่งขันที่สูง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

 

- Advertisement -