บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) 15%
Close Mar 15, 2022 Price (THB) 4.36
12M Target (THB)5.00
Previous Target (THB) 5.00
What’s new?
- กำไรสุทธิ 4Q64 อยู่ที่ 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.3% QoQ ตามการฟื้นตัวของยอดส่งออกรถยนต์ แต่ลดลง -34% YoY เพราะเริ่มบันทึกต้นทุนธุรกิจเรือเฟอร์รี่ผ่านการถือหุ้น 51% ในบริษัท ซีฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด
- กำไรสุทธิทั้งปี 2564 อยู่ที่ 243 ล้านบาท โต 6.2% YoY ประกาศจ่ายปันผล 0.16 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 3.4% ขึ้น XD วันที่ 5 พ.ค. 2565
Our view
- คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากยอดส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และเริ่มได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากยอดนําเข้ารถยนต์ EV ขณะที่ธุรกิจเรือเฟอร์รี่จะเริ่มรับรู้รายได้มาหักกลับต้นทุน และคาดว่าท่าเรือ C0 จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง
- คงคําแนะนํา “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 5.00 บาท
NAMYONG TERMINAL (NYT) ได้แรงหนุนจากยอดนำเข้า EV Car และเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่
กำไรสุทธิ 4Q64 ต่ำกว่าคาด เพราะเริ่มบันทึกต้นทุนธุรกิจใหม่สูงกว่าคาด
NYT รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 61 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดการณ์ของเรา 27% เพราะเริ่มบันทึกต้นทุนธุรกิจใหม่สูงกว่าคาด กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 60% QoQ จากการฟื้นตัวของยอดส่งออกรถยนต์ +38% QoQ อยู่ที่ 281,713 คัน หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม COVID-19 และผู้ผลิตรถยนต์กลับมาเร่งผลิต เพื่อชดเชยคำสั่งซื้อค้างสต็อกที่ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ในช่วง 2Q-3Q64 ทั้งจากปัญหา COVID-19 ระบาด และชิปคอมพิวเตอร์ขาดแคลน แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรสุทธิลดลง -34% ทั้งที่ยอดส่งออกรถยนต์โต 31% YoY สาเหตุมาจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 39.5% จาก 51.0% ใน 4Q63 เพราะต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น จากมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด และเริ่มบันทึกต้นทุนธุรกิจเรือเฟอร์รี่ที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและยานพาหนะ ผ่านบริษัท ซีฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด (NYT ถือหุ้น 51%) ซึ่งให้บริการเที่ยวแรก เมื่อ 15 พ.ย. 2564 และ 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 39.5% YoY เป็น 56 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการของธุรกิจใหม่
กำไรสุทธิทั้งปี 2564 จบที่ 243 ล้านบาท โต 6.2% YoY กลับมาโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี ประกาศจ่ายปันผล 0.16 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 3.4% ขึ้น XD วันที่ 5 พ.ค. 2565
ยังมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2555 จะฟื้นตัว และดีสุดในรอบ 3 ปี
แม้ผลประกอบการ 4Q64 และทั้งปี 2564 จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่เป็นเพราะธุรกิจอื่น ทั้งท่าเรือส่งออก อุตสาหกรรมหนัก (เช่น แท่นขุดเจาะ, โรงปิโตรเคมี, เหล็ก) และธุรกิจเรือเฟอร์รี่ ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัว และมีโอกาสแตะจุดคุ้มทุนในปีนี้ได้ทั้งคู่ ซึ่งถ้าไม่รวม 2 ธุรกิจ ธุรกิจท่าเรือนำเข้า-ส่งออกรถยนต์ที่เป็นธุรกิจหลักฟื้นตัวเกือบจะเป็นปกติที่ระดับ 80,000-100,000 คันต่อเดือนแล้ว ขณะที่ผลบวกจากมาตรการสนับสนุน EV Car ของภาครัฐ ที่เปิดทางให้ภาคเอกชนนำ EV Car เข้ามาขายง่ายขึ้นในช่วง 2 ปีแรก จะยิ่งเสริมธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่ง เนื่องจาก NYT จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ขาเข้าตั้งแต่ 2H65 โดยที่ต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก เรายังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 341 ล้านบาท โต 40.5% YoY และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
คงคำแนะนํา “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5.00 บาท
คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 5.00 บาท อิง PER ที่ 18 เท่า ราคาหุ้นที่พักตัวลงจากความผิดหวังในผลประกอบการ 4Q64 และความกังวลต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่อาจทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ชะลอตัว เรามองเป็นโอกาสซื้อลงทุน โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) ได้ประโยชน์จากมาตรการ EV Car ลำดับแรกๆ ของอุตสาหกรรม เนื่องจากผู้ประกอบการต้องนำเข้ารถยนต์มาจำหน่ายในระหว่างรอสร้างโรงงานประมาณ 2-3 ปี 2) ผลประกอบการของบริษัทย่อยจะถ่วงธุรกิจหลักน้อยลง 3) มี Upside จากคดีความรถดับเพลิงของ กทม. ที่ใช้พื้นที่จอดของ NYT โดยไม่ได้เสียค่าเช่า ซึ่งศาลอุทธรณ์พิจารณาให้ NYT เป็นฝ่ายชนะไปแล้ว โดยให้ กทม. ชำระเงินค่าภาระรวม 1,041 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกา
ความเสี่ยง: (1) ความต่อเนื่องในสัญญาสัมปทาน (ท่าเรือ A5 หมดอายุ 30 เม.ย. 69) ความเสี่ยง (2) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (3) การย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน (4) การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ทำให้ต้นทุนเร่งตัวขึ้นในช่วงแรก