บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) 18.1%

Close Mar 15, 2022 Price (THB) 21.80

12M Target (THB) 25.75

Previous Target (THB) 25.25

What’s new?

  • คาด Gross Presale 2M65 อยู่ที่ระดับราว 5.7 พันลบ. เติบโต 20% YoY คิดเป็น 21% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัท
  • แนวโน้มกำไร 1Q65 คาดเบื้องต้นเติบโตเด่น YoY แต่ลดลง QoQ จากฐานสูงใน 4Q64 หนุนจากบริษัทมีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วง 1Q65 จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ

Our view

  • ปรับประมาณการปี 2565/66 ขึ้น 4.7% และ 1.4% เป็น 6.5 พันลบ. (-7.9% YoY) และ 6.7 พันลบ. (+3.2% YoY) ตามลำดับ
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 25.75 บาท/หุ้น
  • เงินปันผลงวด 2H64 อยู่ที่ 0.75 บาท/หุ้น (XD 27 เม.ย. 2565) คิดเป็น Dividend Yield ที่ระดับ 3.4%

SUPALAI อุปสงค์แนวราบแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2565

แผนปี 2565 ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 34 โครงการ

บริษัทประกาศแผนการดำเนินงานปี 2565 ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 34 โครงการ รวมมูลค่า 4.0 หมื่นลบ. (+ 61.4% YoY) แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 31 โครงการมูลค่า 3.6 หมื่นลบ. และแนวสูง 3 โครงการมูลค่า 4.4 พันลบ. บริษัทตั้งเป้า Presale ปี 2565 ที่ 2.8 หมื่นลบ. (+16.3% YoY) ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบที่ 2.2 หมื่นลบ. และโครงการแนวสูง 6.4 พันลบ. ทั้งนี้ เราคาด Gross Presale 2M65 อยู่ที่ระดับราว 5.7 พันลบ. +/- เติบโต 20% YoY คิดเป็น 21% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 2M65 จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่า 1.0 หมื่นลบ. สะท้อนถึงอุปสงค์แนวราบที่ยังคงแข็งแกร่ง

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดเบื้องต้นเติบโตเด่น YoY แต่ลดลง QoQ

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดเบื้องต้นที่ระดับราว 1.3 – 1.5 พันลบ. เติบโต 75% ถึง 102% YoY จากฐานต่ำใน 1Q64 เนื่องจากบริษัทไม่มีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วง 1Q64 ขณะที่ในช่วง 1Q65 มีโครงการแนวสูงที่สร้างเสร็จพร้อมโอนจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ มียอดขายแล้วเฉลี่ย 50% ได้แก่ Supalai Veranda Sukhumvit 117 (มูลค่า 2.8 พันลบ. มียอดขายแล้ว 56%), Supalai Loft Prajadhipok Wongwian Yai (มูลค่า 1.5 พันลบ. มียอดขายแล้ว 92%) และ Supalai City Resort Sukhumvit 107 (มูลค่า 2.0 พันลบ. มียอดขายแล้ว 10%) อย่างไรก็ตาม คาดปรับตัวลดลง QoQ จากกำไรใน 4Q64 ที่เป็น All-time-high รายไตรมาส จากการโอน Backlog จำนวน 9.8 พันลบ. นอกจากนี้ เราคาดผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทมีโครงการแนวสูงที่คาดสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วง 2Q65-4Q65 อีก 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 1.2 หมื่นลบ. มียอดขายแล้วเฉลี่ย 60% มีโครงการ Highlight คือ Supalai Veranda Ramkamhaeng (มูลค่า 6.1 พันลบ. มียอดขายแล้ว 87%)

ปรับประมาณการปี 2565/66 ขึ้น 4.7% และ 1.4% เป็น 6.5 พันลบ. และ 6.7 พันลบ. ตามลำดับ

เราปรับประมาณการปี 2565/66 ขึ้น 4.7% และ 1.4% เป็น 6.5 พันลบ. (-7.9% YoY) และ 6.7 พันลบ. (+3.2% YoY) ตามลำดับ แม้กำไรในปี 2565 คาดลดลงจากฐานที่สูงในปี 2564 แต่ที่ระดับ 6.5 พันลบ. ถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับระดับก่อน Covid-19 (ค่าเฉลี่ยในปี 2560 ถึง 2562) ที่ 5.7 พันลบ. การปรับประมาณการปี 2565 ขึ้นหลักๆ มาจาก 1) การปรับรายได้การโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 ขึ้น 1% เป็น 2.9 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับเป้าโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทมี Backlog ที่คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 จำนวน 1.6 หมื่นลบ. (แบ่งเป็น Backlog แนวราบ-แนวสูง ที่ 6.0 พันลบ. และ 1.0 หมื่นลบ. ตามลำดับ) คิดเป็น Secured Transfer ที่ 56.2% และ 2) การปรับ SG&A / Sales ลงจาก 12.6% เป็น 11.8% เพื่อสะท้อนความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นของบริษัท (SG&A / Sales ลดลง 118 bps เป็น 11.4% ในปี 2564)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 25.75 บาท/หุ้น

เราคาดบริษัทจะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์สูงจากการปลดล็อกมาตรการ LTV (หมดอายุสิ้นปี 2565) เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยหนุนอัตราดูดซับอุปทานและการระบายสินค้า โดยบริษัทมีสินค้าประเภท Available for sale ณ สิ้นปี 2564 สูงถึง 8.5 หมื่นลบ. (แบ่งเป็นแนวราบ 5.1 หมื่นลบ.)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 25.75 บาท/หุ้น (อิง PER ที่ 8.5% เทียบเท่าราว +1.0 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนทั้งสิ้น 195 ล้านหุ้น (9.1% ของจำนวนหุ้นชำระแล้วทั้งหมด) ที่ราคาเฉลี่ย 15.40 บาท โดยบริษัทมีแผนขายหุ้นดังกล่าวเข้าไปในตลาดในช่วง มี.ค. 2565 ถึง ก.ค. 2556 เนื่องจากระยะเวลาในการขายหุ้นคืนค่อนข้างนาน (ราว 16 เดือน) (เฉลี่ยขายคืนราว 6 แสนหุ้น/วัน เทียบกับ Volume ซื้อขายเฉลี่ย YTD อยู่ที่ 8.6 ล้านหุ้น/วัน) เราคาดเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นอยู่บ้าง แต่ในระดับราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ถือเป็นราคาที่น่าสนใจ  และมีเงินปันผลงวดการดำเนินงาน 2H64 ที่ 0.75 บาท/หุ้น (XD 27 เม.ย. 2565) คิดเป็น Dividend Yield 3.4% จะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น

- Advertisement -