บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +54%
Close Mar 15, 2022 Price (THB) 23.50
12M Target (THB) 36.10
Previous Target (THB) 34.40
What’s new?
- แนวโน้ม 1Q65 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น YoY แม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะเจอมรสุม ทั้งปัญหาขาดแคลนชิพ และราคาวัตถุดิบ
- เราปรับเพิ่มประมาณการกําไรปี 2565 จากเดิม 15% จากแนวโน้มรายได้ที่โตดีกว่าคาด
- ปี 2565 คาด Outperform อุตสาหกรรม ปัจจัยหนุนจากทั้งการฟื้นตัวของธุรกิจ OEMs คําสั่งซื้อขนาดใหญ่ global market รวมถึงการฟื้นตัวของบริษัทย่อย ทั้งที่มาเลเซียและโปตุเกส
Our view
- เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 ที่คาดฟื้นตัวโดดเด่น Outperform กลุ่ม
- เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” เราปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2565 จากเดิมที่ 34.40 บาท เป็น 36.10 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไร อิง PE เฉลี่ย 5 ปี ที่ 10x ซึ่งราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง 6.5x ซึ่งถือว่ายังถูกมาก
AAPICO HITECH คาดปี 2565 เติบโตโดดเด่น ท่ามกลางมรสุม
แนวโน้ม 1Q65 คาดเติบโตโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม
จากการประชุมเมื่อวานนี้ บริษัทให้ข้อมูลแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q65 จะฟื้นตัวดี YoY และเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม โดยรายได้ในเดือน ม.ค. – ก.พ. เติบโตในระดับ double digit เทียบกับอุตสาหกรรมที่รายงานยอดผลิตเติบโตเพียง 2% ในเดือน ม.ค. เนื่องจากการฟื้นตัวของบริษัทลูกในต่างประเทศ ทั้งที่มาเลเซีย ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่กลับมาขายได้หลังที่โดน Lockdown ไปกว่า 6 เดือน และธุรกิจที่โปรตุเกสที่ไตรมาสนี้คาดจะกลับมาคุ้มทุนจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 100 ล้านบาท ขณะที่ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีราคาสูงขึ้น สำหรับลูกค้าไทยมีการปรับราคาได้เลย ขณะที่ลูกค้าโปรตุเกสมีการปรับราคาไปแล้ว 75% ของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งผลของรายได้ที่เติบโตดี คาดมีผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565
- บริษัทให้ข้อมูลแนวโน้มตั้งแต่ 2Q65 ผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่อง YoY ส่วนสถานการณ์ขาดแคลนซิป มีแนวโน้มจะดีขึ้นในช่วง 2H65 บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตมากกว่า 30%YoY จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน +30%YoY ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ +30-40%YoY ส่วนประเด็นต้นทุนวัตถุดิบในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นมองว่าไม่กระทบมากนักโดยผลของรายได้ที่สูงขึ้นมีผลมากกว่า ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นที่ 11-12% เทียบปีก่อนที่ 10.8%
- ในปี 2565 เรามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นจากเดิม 15% เป็น 1,282 ล้านบาท (+25%YoY) โดยปรับสมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 11% เป็น 24,928 ล้านบาท (+22%YoY) และปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 0.2% จากแนวโน้มรายได้ที่ฟื้นตัวดีกว่าที่เราคาดไว้ อย่างไรก็ตาม ประมาณการของเราถือว่าอนุรักษ์นิยมต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่คาดเติบโตมากกว่า 30% เนื่องจากรวมความเสี่ยงของทั้งประเด็นปัญหาขาดแคลนซิฟในอุตสาหกรรม และปัญหาราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
- โดยปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในปีนี้ จาก 1) อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้คาดเติบโต 7%YoY จากการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศ ส่วนประเด็นปัญหาขาดแคลนชิพ เรามองว่าจะดีขึ้นใน 2H65 2) ในปี 2565 รถกระบะหลายรุ่นจะเข้าสู่รอบปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ (Model Change) (เฉลี่ยทุก 5 ปี) ดังนั้นกลุ่มลูกค้าหลายรายเริ่มทยอยนำโมเดลใหม่เข้ามาเจรจากับบริษัทอย่างต่อเนื่อง 3) บริษัทได้คำสั่งซื้อใหม่เป็น global market สำหรับชิ้นส่วนรถกระบะ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยได้ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท จากกลุ่มลูกค้ายุโรป โดยในปี 2565 คาดรับรู้รายได้ราว 700 ล้านบาท 4) ผลบวกจากการที่รัฐบาลมาเลเซียมีการต่ออายุนโยบายลดภาษีรถยนต์ ทำให้ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวเทียบปีก่อนที่โดน Lockdown ไปกว่า 6 เดือน 5) บริษัทลูกที่โปรตุเกสคาดว่าจะพลิกฟื้นกลับมามีกำไร จากการฟื้นตัวของยอดขาย และมีการขยายลูกค้าไปยังกลุ่ม Non-auto
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรายังคงเลือก AH เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มยานยนต์ ด้วยแนวโน้มกำไรปี 2565 ที่คาดว่าจะเติบโตเด่นกว่าอุตสาหกรรม เราปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2565 จากเดิมที่ 34.40 บาท เป็น 36.10 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไร อิง PE เฉลี่ยที่ 10x ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง 6.5x ของ EPS ในปี 2565 และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2565 ที่ 5%