EE เดินหน้าประกาศซื้อบริษัทกัญชงรายใหญ่สุดภาคเหนือ “CBDB” ก้าวสู่ธุรกิจพืชสมุนไพรเต็มรูปแบบ พร้อมเริ่มดำเนินการเพาะปลูกรอบแรกทันที คาดสามารถรับรู้รายได้จากการขายผลผลิตได้ภายในช่วงไตรมาส 3/65 พร้อมขออนุมัติเพิ่มทุน RO นำเงินลงทุนโรงสกัด ต่อยอดไปจนถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจนครบวงจร ส่งผลให้สามารถทำรายได้มากขึ้นมีอัตรากำไรสูงสุด ส่งผลให้ทมีช่องทางการค้า สร้างรายได้มากขึ้น ก้าวสู่บริษัทกัญชงที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สร้างเงินปันผลที่คุ้มค่าต่อผู้ลงทุน ก้าวสู่การเป็นยักษ์ใหญ่กัญชงระดับประเทศและระดับโลกต่อไป
นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด จำนวน 400,000 หุ้น ของบริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด (CBDB) ในวงเงิน 650 ล้านบาท โดย CBDB เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าและผลิตกัญชงรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ มีจุดเด่นคือ วิธีการปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) ด้วยระบบ EVAP (Evaporative Cooling System) ซึ่งเป็นระบบฟาร์มแบบปิดที่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและป้องกันโรคระบาดได้ดี
สำหรับ CBDB มีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เนื้อที่รวม 28ไร่ 95 ตารางวา โดยมีโรงเรือนสำหรับการปลูกพืชกัญชงมากถึง 60 โรงเรือน พื้นที่เพาะปลูกรวมประมาณ 9,600 ตารางเมตร ปัจจุบันมีการเตรียมความพร้อมในส่วนของ ที่ดิน โรงเรือนเพาะปลูก จัดเตรียมวิธีการและเทคนิคการปลูก รวมถึงอยู่ระหว่างการยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง โดยผ่านการเข้าตรวจสถานที่โดยหน่วยงานรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับใบอนุญาตดังกล่าวภายในเดือนมีนาคม 2565 พร้อมเริ่มดำเนินการเพาะปลูกรอบแรกทันที ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายผลผลิตภายในอย่างรวดเร็วภายในไตรมาสที่ 3/65
ขณะที่บริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด บริหารงานโดย นพ.อิสระ เจียวิริยบุญญา ซึ่งเป็นแพทย์ที่ศึกษาและมีประสบการณ์การบริหารโครงการกัญชาทางการแพทย์มาเป็นเวลายาวนาน นอกจากนี้ ยังได้ทีมที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งเป็นทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่มีความรู้ประสบการณ์ในการปลูกกัญชงมาช่วยดูแลโครงการอีกด้วย
“ด้วยการลงทุนที่ต่อเนื่องบนกัญชงต้นน้ำ CBDB จะเข้ามาเป็นสินทรัพย์ทางเกษตรกรรมชิ้นใหม่ที่สร้างผลผลิตและรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างงดงาม เพราะด้วยขนาดฟาร์มที่ใหญ่ ระบบที่ดีเยี่ยม จะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตที่มีมาตรฐาน เพิ่มอำนาจการต่อรอง โดยจะเน้นการปลูกเพื่อเอาผลผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เต็มที่”
ด้านการเพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 3,580,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนจำนวน 4,170,000,000 บาท เป็น จำนวน 7,750,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,580,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จำนวน 2,780,000,000 หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาขาย 0.50 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 31 มีนาคม 2565 และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 (EE-W1) จำนวน 800,000,000 หุ้น
ทั้งนี้ คาดว่าหากการระดมทุนโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น RO ในครั้งนี้ทำได้เต็มจำนวน จะได้รับเงินทุนจำนวน 1,390,000,000 บาท ซึ่งจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนโครงการโรงงานสกัดกัญชง กัญชา กลางน้ำ 1,200 ล้านบาทที่คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมดำเนินธุรกิจนี้ภายในปีนี้ และหรือลงทุนในโครงการอื่นๆ 200 ล้านบาท
“เพื่อให้บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจกัญชงครบวงจรอย่างแท้จริง บริษัทต้องการเงินทุนที่เพียงพอมาใช้ในการขยายการลงทุนจากการปลูกกัญชง ไปสู่การสกัดสารจากกัญชง ซึ่งเป็นธุรกิจต่อเนื่อง และต่อยอดไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในปลายน้ำในที่สุด การขยายธุรกิจไปจนครบวงจรจะทำให้บริษัทสามารถทำรายได้มากขึ้นโดยมีอัตรากำไรสูงสุด และเมื่อบริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน จะทำให้บริษัทสามารถเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทมีช่องทางการค้า และโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น มีทั้งความมั่นคงและสภาพคล่องจากเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ ก้าวสู่บริษัทกัญชงที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สร้างเงินปันผลที่คุ้มค่าต่อผู้ลงทุน ก้าวสู่การเป็นยักษ์ใหญ่กัญชงระดับประเทศและระดับโลกต่อไปได้” นายวรศักดิ์ กล่าว
*****