Our View? “Sideway Up”
คาดการเคลื่อนไหวเป็นไปตามภูมิภาคส่วนใหญ่ ที่ยังได้รับปัจจัยหนุนจาก
(1) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ล่าสุด เป็นไปตามตลาดคาดที่ 0.25% และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยแสดงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับการที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
(2) คลายกังวลการผิดนัดชำระหนี้หลังรัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ จำนวน 2 ฉบับ วงเงินรวม 117 ล้านดอลลาร์ วานน้ี และ
(3) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ล่าสุดดีขึ้นทั้งจำนวนผู้ว่างงาน และตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้าน
รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP ท่ีได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. อยู่ท่ี 102.98 ดอลลาร์/บาร์เรล (+8.35%) และ BREN) ส่งมอบเดือนพ.ค. อยู่ที่ 106.64 ดอลลาร์/บาร์เรล (+8.79%) ภายใต้คาดการณ์อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆ รวม 3 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนเม.ย. ขณะท่ีคาดอุปสงค์น้ำมันจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล/วัน พร้อมจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดจีนจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มีจำนวนลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังแนะติดตามความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังสงครามในยูเครนเข้าสู่สัปดาห์ท่ี 4 ซึ่งหากยืดเยื้อและมีความรุนแรงขึ้น คาดทำให้ตลาดกลับมามีความผันผวน และลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกคร้ัง ขณะที่ล่าสุด Bond Yield สหรัฐ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.192% สูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ให้น้ำหนักต่อ Fund Flow ล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 7,000 ล้านบาท ทำให้ YTD สูงกว่า 97,000 ล้านบาท พร้อม Sentiment บวกจากการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มของ ศบค. ต่อเนื่อง เช่น คาดผ่อนคลาย Test&Go โดยยกเลิกตรวจ RT-PCR และให้ตรวจ ATK แทน คาดช่วยหนุนหุ้นใน กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม (AOT, AWC, CENTEL, ERW และ MINT) ขณะท่ีเรายังคงชอบหุ้นใน (1) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ (2) กลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) คาดแนวโน้มการ JV กับธนาคารพาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น (3) กลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มฟื้นตัวข้ึนตั้งแต่ช่วงต้นปีน้ี และ (4) กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) จากแนวโน้มการฟื้นตัวข้ึนต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของโลก
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “PTTEP”
จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่งผลดีโดยตรงต่อ PTTEP ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่สูงทำให้ราคาขายก๊าซดีขึ้นตาม โดยการขายก๊าซของ PTTEP คิดเป็นประมาณ 71% ของการผลิตท้ังหมด แต่ราคาจะมี lag time ประมาณ 6-12 เดือน คาดราคาขายก๊าซในปี’65 ที่ 5.9 USD/mmbtu โดย PTTEP มีผลการดำเนินงานมั่นคง จ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง คาดเงินปันผลทั้งปี’65 ท่ี 5.25 บาท หรือคิดเป็น Div.Yield ประมาณ 3.6% ราคาเป้าหมาย 152.00 บาท (พื้นฐาน)