Market Overview
Market wrap & Outlook
- ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีย่อตัวเล็กน้อยตามคาด หุ้นปิดบวกแรงกว่าตลาดนำโดย THG-RAM-VIBHA และ PEACE PSG KSL BBIK FORTH CENTEL ILM ECF ส่วนด้านลบกดดันดัชนีมี BBGI CPALL CPF JTS SCC และธนาคาร SCB KBANK BAY
- วันนี้คาดดัชนี-ขึ้นสลับย่อ ส่วนแนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดกรอบดัชนีฯ 1670-1700 จุด Sector rotation คาดกลุ่ม Outperform ต่อเนื่องยังคงเป็น ท่องเที่ยว, ค้าปลีก, หุ้นบริโภค, ร้านอาหาร, ขนส่งมวลชน รับธีม Reopening จากมาตรการรัฐปรับโควิดเป็นโรคประจําถิ่น ส่วนความหวัง Window dressing กลุ่มที่ติดลบหนัก YTD มีโอกาสรีบาวด์ไม่ไกล เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รับเหมา Packaging
What to watch
- Window dressing กลุ่มที่ outperform ตลาดตั้งแต่ต้นปี เช่น โรงพยาบาล +13% ค้าปลีก +8% ท่องเที่ยวโรงแรม +9% สื่อสาร +5% คาดเดินหน้าบวกต่อ จากการย้ายกลุ่มออกที่โดนขายมาตั้งแต่ต้นปี เช่น อิเล็กทรอนิกส์ -19% ยานยนต์ -4% เกษตร อาหาร -5% Packaging 12%
- รอติดตามข้อสรุปผลเจรจา แนวทางแก้ปัญหา รัสเซีย ยูเครน
- ประชุม ครม. 22 นี้ มาตรการดูแลค่าครองชีพ จากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น
- ท่าที่รัฐบาลจีนต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และแนวทางในการคลายมาตรการคุมโควิตฯ หลังครบ 1 สัปดาห์ของการปิดเซินเจิ้น
หุ้นแนะนำวันนี้
- SA มีที่ดินพร้อมแล้วสําหรับการเริ่มก่อสร้าง โครงการบริการด้านการแพทย์ที่ใกล้ รพ.ศิริราช เพื่อรองรับ Demand ที่ล้น รพ.ละแวกใกล้เคียง โดยวางโมเดล เป็นรูปแบบ Sharing economy กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการคนไข้ เน้นสังคมสูงวัย คาดสร้างรายได้ประจำเพิ่ม Upside ต่อคาดการณ์กำไรระยะยาว
- CRC CPN เตรียมเล่นกลับไปช่วงราคา Pre-covid รับกระแส Reopening ที่มีความชัดเจนขึ้นมาก พร้อมมาตรการรองรับการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
Global Investing News
Alphabet (GOOGL) เข้าซื้อกิจการ Raxium บริษัทเทคโนโลยีจอภาพแบบ microLED สัญชาติอเมริกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการเข้าซื้อ โดย MicroLED เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลที่มีเม็ดพิเกเซลขนาดเล็ก ใช้พลังงานน้อย และสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า Alphabet อาจมีแผนที่จะพัฒนาแว่น VR/AR รุ่นใหม่ขึ้นมา ขณะที่สื่อเกี่ยวกับไอทีเผยว่าบริษัทเทคฯ อย่าง Apple (AAPL) และ Meta Platforms (FB) ต่างเคยซื้อกิจการด้าน microLED เช่นกัน และ Alphabet ถือเป็นรายล่าสุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
3 ดัชนีหลักปิดบวกเมื่อวันศุกร์ นำโดย Match Group (MTCH) +7.8%, Nike (NKE) +3% และ Visa (V) +2.7% จากความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ขณะที่ผลการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนและสีจิ้น ผิง ออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ โดยสหรัฐฯ ได้ออกเตือนจีนว่าจะมีผลกระทบตามมา ซึ่งอาจรุนแรงไปจนถึงการคว่ำบาตร หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซีย ขณะที่จีนได้เรียกร้องให้กลุ่ม NATO เจรจากับรัสเซีย รวมถึงไม่ได้ตำหนิที่รัสเซียบุกยูเครน ขณะที่สงครามยังคงไม่บรรเทาลง และการเจรจายังไม่ลงตัว ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์มีแนวโน้วที่จะยืดเยื้อ เราจึงยังคงแนะกลุ่มหุ้นเชิงรับ (Defensive) ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ – CVS Health (CVS), United Health (UNH) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค – Procter & Gamble (PG), Coca-Cola (KO)
ตลาดหุ้นฮ่องกง
ดัชนีฮั่งเส็งย่อตัวลง 0.4% ในวันศุกร์ พักความร้อนแรงจากวันพุธและวันพฤหัสบดี โดย JD.com (9618) -4.2%, Alibaba (9988) -3.6%, Anta Sports (2020) -3.5% ด้าน Goldman Sachs คาดว่าจีนอาจมีการคุมเข้มมาตรการล็อคดาวน์เพิ่มเติมจากการระบาดของโควิดโอมิครอนที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ขณะที่การที่รองนายก Liu He ออกมาย้ำจุดยืนของนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้เราคาดว่าอาจได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเร็วๆนี้ และจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นจีน A-Share จึงแนะสะสม ChinaAMC CSI300 ETF (3188)
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ดัชนี VN ปิดบวก 0.5% ในวันศุกร์ นำโดย VCB +1.4%, GAS +2.7%, VHM +0.8% ด้านบริษัทยา เวียดนามได้รับสิทธิ์ในการผลิตยาเม็ดต้านโควิด-19 ของ Pfizer (PFE) ซึ่งเป็นไปตามที่ PFE ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก องค์กรไฟฟ้าของรัฐบาลเวียดนาม (EVN) เผยปริมาณการใช้ ไฟฟ้าใน 2 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 39.6bn kWh เพิ่มขึ้น 6.8%YoY จากการฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิต และเราคาดว่าการใช้ไฟฟ้าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ EVN คาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 12%YoY ส่งผลให้เรามีมุมมองบวกต่อหุ้นผลิตและให้บริการไฟฟ้าในเวียดนามอย่าง REE มีสัดส่วน 7% ในดัชนี VN DIAMOND ที่เป็นดัชนีอ้างอิงของ DR FUEVFVND01 ซึ่งเป็น DR ตัวที่ 2 จากทางหลักทรัพย์บัวหลวง และจะเปิดการจองซื้อ IPO แก่ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงในวันที่ 22-24 มี.ค. นี้