JMART ควง JMT รับการปรับอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง เพิ่มขึ้นเป็นระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนที่ได้รับจากการเพิ่มทุนช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งความแข็งแกร่งของธุรกิจในส่วนของบริษัทย่อย นำโดยการเติบโตที่มั่นคงของ JMT รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วมอื่นๆ ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง

 

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า จากผลการจัดอันดับเครดิตจากบริษัทจัดอันดับเครดิตทริสเรทติ้ง ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรเพิ่มขึ้นจาก BBB เป็น BBB+ ซึ่งเป็นผลจากบริษัทและบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรจาก VGI และ U City ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ มีโครงสร้างทางการเงินที่ดี ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปลายปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.69 เท่า เท่านั้น ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างสูง โดยแผนการดำเนินงานปีนี้ ปีนี้ยังคงตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 50% ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มเจมาร์ท ทั้งในธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจการเงิน พร้อมด้วยการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Blockchain และการเตรียมความพร้อมสู่ Metaverse ภายในปีนี้

ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT  ผู้ให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่า จากผลการจัดอันดับเครดิตในปีนี้ JMT ได้รับการปรับขึ้นอันดับเครดิตขององค์กรจาก BBB เป็น BBB+ โดยมี Rating Outlook แบบ Stable ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนของบริษัทในการดำเนินงาน และกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการดำเนินงาน โดยการเติบโตที่ผ่านมาทำได้ตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรทำสถิติเพิ่มขึ้นทุกปี

ขณะเดียวกัน ด้วยสภาวะตลาดหนี้ด้อยคุณภาพ จะทำให้ JMT มีโอกาสในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจการเงิน ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งจะทำให้ JMT มีโอกาสในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ทั้งนี้ เมื่อสิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา JMT มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.47 เท่า ขณะที่แผนงานในปีนี้ 2565 นี้ JMT ยังคงตั้งเป้าเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 45% ด้วยประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการนำเอาเทคโนโลยี เข้ามาใช้มากขึ้น

*****

- Advertisement -