KUN ประเมินนนทบุรีเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีของคนกรุงเทพฯ โอกาสต่อยอดการลงทุนที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว โครงการ “คุณาลัย พาร์โก้” มูลค่า 500 ล้านบาท  ชูความเป็นบ้านสไตล์ โมเดิร์น อิตาเลียน แห่งแรกในโซนบางบัวทอง ตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น ในราคาเริ่มต้นที่ 4.79 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดที่อยู่อาศัยคนนนทบุรี พร้อมลุยขยายโครงการโซนอื่นต่อเนื่อง หวังสร้างการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต การันตีผลงานปีนี้ทำ New High ต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้โต 15-20 %

 

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า จังหวัดนนทบุรีมีวิสัยทัศน์ในการเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีของคนกรุงเทพฯ โดยมุ่งพัฒนาเมืองเพื่อการเป็นที่อยู่อาศัยในทุกรูปแบบ และตอบโจทย์บนทำเลที่ใกล้กรุงเทพฯ รวมถึงแหล่งการคมนาคมควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเดินทาง ดังนั้น ปัจจัยดังกล่าวจึงสะท้อนถึงตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัยที่ทยอยเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่อัตราการแข่งขันที่ทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

“ทำเลบางบัวทองเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง KUN ในฐานะผู้นำในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลบางบัวทอง จึงเห็นถึงโอกาสต่อยอดการลงทุนโซนดังกล่าวโดยแนวทางในการครองแชมป์การเป็นเจ้าตลาดของโซนนี้ คือการชิงส่วนแบ่งตลาด ด้วยการพัฒนาสินค้าบ้านใหม่ๆ ให้ครบทุก Segment ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยวพรีเมี่ยม และอาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน ก็พัฒนาสินค้าบ้านใหม่ๆ เพื่อทดแทนสินค้าที่กำลังจะหมดลง สำหรับรองรับความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”

ล่าสุด KUN ได้เปิดตัวโครงการ “คุณาลัย พาร์โก้”  ซึ่งถือว่าเป็นโครงการบ้านสไตล์โมเดิร์น อิตาเลียน แห่งแรกในโซนบางบัวทอง โดยชูคอนเซ็ปต์หลักของโครงการคือ ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันหลากหลายเจนเนอเรชั่น (Gen) ในบ้านหลังเดียว ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 4.79 ล้านบาท ถือเป็นบ้านราคาสูงที่สุดของโครงการคุณาลัย โดยจุดเริ่มต้นมาจากการพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ภายใต้โจทย์ “หากคุณาลัยจะทำบ้านที่มีสไตล์พิเศษคุณอย่างจะให้เป็นแบบใด” ซึ่งลูกค้าให้ความสนใจกับแนวนี้อย่างมาก จึงร่วมกันแสดงความคิดเห็น จนมีการพัฒนาออกมาเป็นโครงการคุณาลัย พาร์โก้

สำหรับโครงการ “คุณาลัย พาร์โก้” เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น อิตาเลียน รวมจำนวน 96 ยูนิต บนที่ดิน 21 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งมีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย  LUCCA มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 150 ตารางเมตร COMO ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 170 ตารางเมตร และ VERONA  ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 200 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ปัจจุบัน KUN มีโครงการอยู่ในระหว่างการขายและพัฒนาในโซนบางบัวทอง ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,600  ล้านบาท ซึ่งมีโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วบางส่วน และยังคงมีสินค้าเหลือขายพร้อมรับรู้รายได้อีก จำนวน 615 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,220 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีที่ดินดิบในโซนดังกล่าวคงเหลืออีกประมาณ 60 ไร่ ซึ่งหากนำมาพัฒนาโครงการ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 1,800 ล้านบาท รองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกประมาณ 5-7 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายที่จะมองหาที่ดินในจังหวัดนนทบุรีโซนอื่นเพิ่ม เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งปัจจุบันได้มุ่งหาที่ดินบริเวณอำเภอบางใหญ่ เนื่องมองว่าดีมานด์ที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าวยังมีแนวโน้มการเติบโตได้ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากโซนบางบัวทองที่ KUN เป็นเจ้าตลาดแล้ว บริษัทยังมี Business model และ vision ในการขยายธุรกิจ 2 ทิศหลักๆ ประกอบด้วย ทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ  (ฉะเชิงเทรา) และทิศใต้ของกรุงเทพฯ (บางขุนเทียน)  ซึ่งทั้ง 2 ทิศดังกล่าว มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นแหล่งงานจากการพัฒนาของเมือง และการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวก อีกทั้งยังมองหาโอกาสในการขยายการพัฒนาโครงการเพื่อต่อยอดไปยังทิศที่ 4 คือทิศเหนือของกรุงเทพฯ อาทิ ปทุมธานี และรังสิต เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งหากแผนกลยุทธ์ดังกล่าวสำเร็จ จะส่งผลให้ KUN มีโครงการบ้านภายใต้ “วิลล่า คุณาลัย” ครบทั้ง 4 ทิศตามแผนที่วางไว้

สำหรับโครงการใหม่ที่มีแผนเตรียมเปิดตัวในปีนี้ นอกเหนือจาก “คุณาลัย พาร์โก้” แล้ว ยังมีอีก 2  โครงการคือ โครงการ คุณาลัย เดซี่ โซนบางบัวทอง มูลค่าโครงการประมาณ 800  ล้านบาท เป็นโครงการที่พัฒนาใหม่ เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่กำลังจะหมด เป็นสินค้าบ้านแฝดและบางเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุด โดยการพัฒนาจะเน้นเรื่อง “ตัดส่วนเกิน เพิ่มเติมส่วนขาด” และโครงการ คุณาลัย นาวาร่า มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจุดเด่นของโครงการ คือความพิเศษของทำเลที่อากาศดีที่สุดในกรุงเทพฯ และจะเป็นโครงการสุดท้ายในโซนดังกล่าว ในระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการจะเปิดขายเร็วๆ นี้

ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตัวเลข New High ต่อไป โดยได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 15-20 % จากปี 2564 และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800  ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ที่ 1,510 ล้านบาท โดยในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลกำไรของบริษัทอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ลงทุนมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน บริษัทมี Backlog มูลค่า 430.79 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในปีนี้ทั้งหมด

 

******

- Advertisement -