ตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นเด่นนำ โดยกลุ่ม Growth และ Tech // SET คาด 1680-1690 หุ้นแนะนำ SSP OSP

ตลาดต่างประเทศ :  ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้นยังเป็นขาขึ้น (ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเด่นๆ คือ กลุ่ม Growth และ Tech ของสหรัฐ อิงดัชนี Nasdaq +1.95% สอดคล้องกับไอเดีย  KS เคยนำเสนอในปลายสัปดาห์ที่แล้วคือ ภาวะที่ตลาดเริ่มกังวลเศรษฐกิจจะชะลอตัว(Recession) มากขึ้น จะทำให้ Fund Flow ไหลเข้าสกุลเงินดอลลาร์,  พันธบัตร และหุ้นกลุ่ม Tech จะเป็นที่พักเงิน(ทั้งฝั่งสหรัฐ และฮ่องกง)   ประเมินวันนี้คาดเป็นปัจจัยหนุนบวกต่อตลาดหุ้นเอเซียและ SET Index วันนี้

อย่างไรก็ตาม KS ยังคงคำแนะนำตามเดิม คือ  ในช่วงนี้ไม่เพิ่มน้ำหนักพอร์ตการลงทุน  ประเมินตลาดหุ้นไทยโอกาสขึ้นได้ต่อแต่ Upside จำกัด ในระยะยาวจะยังไม่เป็นขาขึ้นได้ยาว  และมีโอกาสปรับฐานสูง  โดยเฉพาะช่วง 2Q65   โดยสิ่งที่เผชิญ 1.) การประชุม Fed  2 ครั้ง KS คาดอาจจะเห็นการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps 1 ครั้งและ 25 bps รวม 2 ครั้งเป็น 75 bps ทำให้มีโอกาสที่ Flow จะไหลออกจากไทยตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐที่ขึ้น โดยประเมินไทยจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ จะทำให้เงินบาท/ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า บวกต่อหุ้นส่งออก  อาทิ ASIAN, TU   2.) สงครามรัสเซีย-ยูเครนมีโอกาสที่จะยืดเยื้อต่อเนื่องไปถึงช่วงต้น 2Q65  ล่าสุด ยังมีการใช้กำลังปะทะกันต่อเนื่อง และกระแสข่าวว่ารัสเซียอาจใช้การโจมตีโดยอาวุธเคมี-ชีวภาพในยูเครน โดยเชื่อว่าในระยะยาวต้องติดตามประเทศพันธมิตรยูเครน อาทิ ยุโรป สหรัฐ จะยังคงมาตรการคว่าบาตรรัสเซียต่อ ยาวนานเพียงใด  ประเมินมีโอกาสคว่าบาตรต่อ  Economic Sanction มีโอกาสยืดเยื้อ คล้ายกับ Trade war สหรัฐ – จีนที่ยังมีอยู่ เป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทรงตัวระดับสูง  3.) ช่วง ต้น เม.ย.65 ตลาดหุ้นโลกจะเผชิญกับ IMF Downgrade GDP Growth KS ประเมินมีโอกาสที่โทนการปรับลงในหลายประเทศ  โดยเฉพาะฝั่งยุโรปมีโอกาสถูกปรับลด GDP ลงเพราะได้รับผลกระทบจากสงคราม สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

ตลาดในประเทศ :  หลังจากวันจันทร์ตอนกลางคืนสถาบันจัดอันดับเรตติ้ง S&P ออกรายงาน Downgrade rating 4 ธนาคาร(SCB, KBANK,TTB, KTB)  ลง 1 notch  แต่ยังคง Rating(BBL, BAY) ฃทำให้เกิดความกังวลว่าต่อไปจะเกิดการ Downgrade  อันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย(Credit rating) ลงตามต่อในระยะถัดไป?  KS ประเมินจากข้อมูลทางเศรษฐกิจและข้อมูลต่างๆ เชื่อว่าประเทศไทยมีโอกาสต่ำที่จะถูกหั่น Credit rating ลง โดยมี 4 ประเด็นที่สนับสนุนความเชื่อ คือ  1.) Indicator ที่เป็นตัวชี้วัดที่สถาบันจัดอันดับ rating พิจารณาปรับเพิ่ม/ลด rating ประเทศ  ข้อมูลล่าสุด ปี 2564 ยังเห็นหลาย Indicator เห็นทิศทางดีขึ้นเทียบกับในอดีต อาทิ  (เศรษฐกิจมหภาค อาทิ GDP Percapita ดัชนีวัดความสามารถในการแข่งขัน ด้านการคลังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนือง, สถานะต่างประเทศ : สัดส่วนการลงทุนระหว่างประเทศสุทธิต่อ GDP เป็นบวก)  2.) การที่  S&P คง rating ธนาคาร BBl ที่ Rating  BBB+ ดังนั้นประเทศไทยก็ควรจะได้ Rating  ที่สูงกว่าบริษัท 3.)จากสถิติในอดีตประเทศไทย ถูกคง (S&P คง Rating ที่ BBB+)  ที่เดิมมาตั้งก.ย.47 – ปัจจุบัน รวมติดต่อกัน 18 ปี  และผ่านวิกฤต 2 ครั้งล่าสุด  อาทิ Subprime ในปี 2550-2551, น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ยังไม่เคยถูกปรับ Rating ลง 4.) Indicator ที่เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงการประเทศ อิงผ่าน CDS Spread 5 ปี เบี้ยประกันความเสี่ยงของการผิดนัดชําระหนีไทย ล่าสุดอยู่ที่  43 ขึ้นเล็กน้อยจากต้นปี ยังต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต อาทิ วิกฤต Subprime และน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ซึ่งสูงถึง 250

กลยุทธ์การลงทุน :  ยังแนะนำ : ช่วงสั้นยังแนะนำชะลอการลงทุนในกลุ่มธนาคาร, กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ออกไปก่อน    ส่วนกลุ่มที่แนะนำลงทุนในช่วงนี้ คือ กลุ่มเครื่องดื่ม(CBG OSP) กลุ่มการเงิน (TIDLOR ASK THANI AEONTS BAM)  กลุ่ม Tech Consult อาทิ  BBIK BE8 ,กลุ่มโรงไฟฟ้า(SSP) กลุ่ม ICT (DTAC, TRUE) เราประเมินเป็นหลุมหลบภัยในรอบนี้

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1680 -1690  หุ้นแนะนำ SSP OSP

Top pick : 

SSP (ราคาพื้นฐาน 14.0 บาท)  เราคาดว่าการขยายกำลังการผลิต SSP จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในระยะยาว  โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายสัญญา PPA ในมองโกเลีย และหาฟาร์มกังหันลมเพิ่มในเวียดนาม เพื่อขยายพอร์ตไปสู่เป้าหมายกำลังการผลิตที่ 400 เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจกัญชงและกัญชา ธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัลเพื่อเป็นแหล่งกำไรใหม่ โดยราคาหุ้นปรับฐานลงมา  Downside ค่อนข้างต่ำและเปิด Upside จากราคาเป้าหมายทางพื้นฐานราว 18%

OSP (ราคาพื้นฐาน 40.5 บาท)  คาดกำไรปี 2565 จะเติบโตขึ้น 10% YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นหนุนจากตลาดในประเทศ คาดยอดขายในต่างประเทศที่ขยายตัวขึ้นจะช่วยเพิ่ม upside เราชอบ OSP จากมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง การขยายตลาดอย่างต่อเนื่องและ upside จากราคาขายที่สูงขึ้น.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ 

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ก.พ. คาด +11.1% YoY และ +19.4% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าไทยจะขาดดุลการค้าเดือน ก.พ. จำนวน 1.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด +0.6% MoM และ +5.9% YoY ตัวเลข New Home Sales เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ คาด ​+1.1% YoY เป็น 0.81M ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของ Fed Daly   วั
  • พฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน มี.ค. คาด 55 จุด (-5.8% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของเยอรมัน เดือน มี.ค. คาด 54.3 จุด (-2.7% MoM) ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 56 จุด (-3.8% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 54.1 จุด (-2.5% MoM) ตัวเลข Durable Goods Orders เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ คาด -0.5% MoM ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ. ของสหรัฐ คาดขาดดุล US$2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +2.08 แสนคน ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 55.8 จุด (-2.6% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 56.0 จุด (-0.9% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed Waller, Fed Evans, และ Fed Bostic
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ของไทยเดือน ก.พ. ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด  +0.8% MoM และ +8% YoY , Pending Home Salesสหรัฐฯ เดือน ก.พ.คาด -3% MoM-11%YoY ถ้อยแถลง Fed Williams และ Fed Barkin
- Advertisement -