TNR ประกาศรุกใหญ่สู่อุตสาหกรรม “กัญชง กระท่อม กัญชา” ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ หวังปั้นเป็น New S-Curve หนุนการเติบโต เดินหน้าร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เร่งสร้างโรงงานสกัด ชูจุดเด่นเครื่องจักรทันสมัย สามารถสกัดสารจากกัญชงและกระท่อมที่ใช้กับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงส่งออกในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคที่รับรองมาตรฐาน พร้อมต่อยอดพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัทออกสู่ตลาด วางเป้าหมายปี 2567 ทำรายได้จากกัญชงและกระท่อมแตะ 1,000 ล้านบาท
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินหน้าขยายธุรกิจครั้งสำคัญ โดยการรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชง กระท่อม และกัญชา อย่างเต็มตัว ครอบคลุมตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านบริษัท ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จำกัด (TNRBio) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TNR ถือหุ้น 100% มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสกัด และจำหน่ายสารสำคัญพืชสมุนไพร โดยตั้งใจจะให้เป็นธุรกิจ New S-Curve ที่ผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจในด้านนี้ ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญจากธุรกิจหลักในปัจจุบันที่เป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือแพทย์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ
ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นโอกาสจากการที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันกัญชงและกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และได้รับการปลดล็อกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เป็นที่เรียบร้อย โดยได้เริ่มศึกษาและรุกเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวอย่างจริงจังตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แผนงานเฟสที่ 1 จะรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชงระดับต้นน้ำ โดยปัจจุบันได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาสนับสนุนการทดสอบ วิจัย และพัฒนาสายพันธุ์กัญชงที่สามารถสกัดสาร CBD (Cannabidiol) ได้ในปริมาณสูง รวมถึงจัดตั้งจุดรับซื้อช่อดอกกัญชงและศูนย์ตรวจวัดค่าต่าง ๆ ตามมาตรฐาน
ขณะเดียวกัน ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจระดับกลางน้ำ โดยลงทุนจัดตั้งโรงงานสกัดสารสำคัญจากกัญชงและกระท่อม เพื่อจำหน่ายสารสกัด CBD และ Mitragynine เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ พร้อมกับจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ (แล็บทดสอบ) เพื่อตรวจวัดระดับสารสำคัญ CBD, THC รวมไปถึงสารปนเปื้อนและโลหะหนัก ทั้งในช่อดอกกัญชงและสารสกัด รวมถึงมีแผนขอรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการตาม ISO/IEC 17025 ภายในปี 2566 และจะรุกเข้าสู่ธุรกิจระดับปลายน้ำ พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชงภายใต้แบรนด์ของบริษัทออกสู่ตลาด ส่วนแผนงานเฟสที่ 2 จะรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกระท่อมโดยการจำหน่ายทั้งสารสกัดและผลิตภัณฑ์ รวมถึงศึกษาการรุกอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อขยายธุรกิจเฟสที่ 3 ในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในด้านการปลูกกับองค์กรต่าง ๆ แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อสนับสนุนโครงการศูนย์ทดสอบ วิจัย และพัฒนากัญชงอุตสาหกรรมเป็นระยะเวลา 5 ปี บริษัท เอฟจีพี (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของสายพันธุ์กัญชง เพื่อสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์กัญชงมาใช้เพาะปลูกในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ และบริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการปลูกกัญชงในระดับอุตสาหกรรม โดยทำสัญญาคอนแทกฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) หรือระบบเกษตรพันธสัญญา เพื่อซื้อ ขาย ช่อดอกกัญชงแห้งจากแปลงเพาะปลูกในโรงเรือนระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น โดยมีกำหนดทยอยส่งมอบช่อดอกกัญชงแห้งให้บริษัทตั้งแต่เดือนเมษายนถึงธันวาคม 2565 ขั้นต่ำ 18,000 กิโลกรัม
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัทที่มีความสนใจในการนำตัวสารสกัดจากพืชกัญชงไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ บริษัท แมคโครฟาร์ จำกัด, บริษัท สุพรีม ฟาร์มาเทค จำกัด และยังได้บริษัท เมอราเคช จำกัด มาเป็นตัวแทนในการร่วมจัดจำหน่ายกับบริษัทอีกด้วย ในส่วนของพืชกระท่อม บริษัทเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านการวิจัยพืชสมุนไพร เครื่องมือแพทย์ และอาหารทางการแพทย์ กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นายสุเมธ มาลิสีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR กล่าวว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งโรงงานสกัดภายในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี ใกล้กับที่ตั้งของโรงงานผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นของ TNR ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2565 เพื่อให้ อย.ตรวจสอบ คาดว่าเดือนมิถุนายน 2565 จะทราบผล และเริ่มเดินเครื่องจักรโรงงานสกัดได้จากแผนงานขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมกัญชงและกระท่อม
ทั้งนี้ หากได้รับใบอนุญาตโรงงานสกัดจาก อย. ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถผลิตสารสกัดได้ภายในครึ่งปีหลัง โดยมองว่า ปี 2567 ธุรกิจกัญชง กระท่อม และกัญชา จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินรายได้จากการจำหน่ายสารสกัดแบบผงและแบบสารสกัดละลายน้ำที่เป็นสินค้าหลัก โดยไม่รวมรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท และบริการทดสอบต่างๆ เนื่องจากราคาขายของสารสกัด CBD แบบผงค่อนข้างสูง
*****