บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain).

TP upside (downside) +36.0%

Close Mar 30, 2022 Price (THB) 10.00

12M Target (THB) 13.60

Previous Target (THB) 13.60

What’s new?

  • คาดกำไร 1Q65 ที่ 52 ล้านบาท (-49% QoQ, +99% YoY) ลด QoQ ตาม Seasonal แต่โต YoY หนุนจาก backlogs ที่แข็งแกร่ง
  • ตลาดยังติดภาพการเป็นเพียงธุรกิจ SI สำหรับ MFEC ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด หากอิงสัดส่วนรายได้ในปี 2564 รายได้มาจากธุรกิจ SI เพียง 36% ของรายได้รวม ขณะที่กว่า 50% ของรายได้ MFEC มาจากธุรกิจที่อยู่บนการเติบโตที่ดีในยุค Digital

Our view

  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 13.60 บาทต่อหุ้น MFEC ถูกซื้อขาย บน PER65 เพียง 15x ซึ่งเป็นระดับที่ยังไม่ได้สะท้อนโอกาสเติบโตของ MFEC ที่จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Economy เช่นเดียวกับรายอื่นในกลุ่มที่ถูก ตลาดซื้อขาย บน Valuation ที่สูงกว่าอย่างมีนัยสําคัญ

MFEC ตลาดยังมองข้ามศักยภาพที่ไม่เหมือนเดิม

คาดผลประกอบการ 1Q65 สดใสต่อเนื่อง หนุนจากกลุ่ม Cybersecurity

คาดผลประกอบการ 1Q65 ที่ 52 ล้านบาท (-49% QoQ, +99% YoY) จาก

1) คาดรายได้ที่ 1.2 พันล้านบาท (-27% QoQ, +8% YoY) ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจที่จะมีการรับรู้งานสูงในช่วงปลายปี แต่โตแรง YoY หนุนจาก backlogs ที่แข็งแกร่ง

2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.5% (-41bps QoQ, +1 bps YoY) ใกล้เคียงกับที่ทำได้ในอดีต และ

3) คาด SG&A ที่ 147 ล้านบาท (-14% QoQ, -8% YoY) คาด SG&A to sale ที่ 12.0% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับใน 1Q64 ที่ 14.0% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ทำได้ดี

แม้ตัดการรับรู้รายได้ใน 1Q65 ไปแล้ว เราคาด MFEC จะมี Backlogs ณ สิ้น 1Q65 ที่ระดับ 6.0 พันล้านบาท สูงมากเทียบกับอดีตที่ระดับ 2-3 พันล้านบาท จากภาวะงานจากอุตสาหกรรม Telecom และอุตสาหกรรม Banking ที่ยังอยู่ในรอบการลงทุนเพื่อ Transform ธุรกิจไปสู่ยุค Digital

คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 เติบโต 28% YoY

หากกำไรออกมาตามคาด กำไร 1Q65 จะคิดเป็น 17% ของประมาณการทั้งปีของเรา แต่ปกติ MFEC จะมีกำไรเด่นในช่วง 2H เมื่อประกอบกับระดับ Backlogs ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และแนวโน้มตลาด Cybersecurity ที่คาดเติบโต 25%-30% ในปี 2565 ตลาด SI ที่กลับมาเติบโตระดับ 10% ทำให้เราคงประมาณการปี 2565/66 ที่กำไรปกติ 302 ล้านบาท (+28% YoY) และ 361 ล้านบาท (+20% YoY) ขณะที่แผนการจดทะเบียน I-TWO บริษัทฯ คาดการณ์จะเกิดขึ้นได้ในช่วง 2H65 เป็น Upside Risk ต่อประมาณการของเรา

Breakdown ธุรกิจไม่ได้พึ่งพิง SI นานแล้ว แต่ตลาดยังติดภาพเดิม เป็นโอกาส

ผู้เล่นในกลุ่ม Digital Transformation Data Center Related และ Cybersecurity ถูกตลาดปรับขึ้นไปซื้อขายบน PER65 เฉลี่ยที่ 45x และหุ้นบางตัวถูกซื้อ ขาย บน PEG65 สูงถึง 2x-3x ขณะที่ MFEC ยังซื้อ ขาย ที่ระดับ PER65 เพียง 15x และ PEG65 ที่เพียง 0.5x สะท้อนว่าตลาดยังไม่ได้ให้ Valuation ที่สูงขึ้นกับ MFEC เพราะมองว่า MFEC เป็นผู้เล่น SI ดั้งเดิมเหมือนในอดีต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด หากอิงสัดส่วนรายได้เทียบกับรายได้รวมในปี 2564 รายได้ของ MFEC มาจากธุรกิจ SI เพียง 36% ขณะที่รายได้จาก Cybersecurity บันทึกอยู่ในรายได้กลุ่ม Maintenance คิดเป็นราว 20% และรายได้ของกลุ่ม IT Professional Service ส่วนใหญ่เป็น งาน Big Data หรือ Mobile App คิดเป็น 18% และรายได้จาก Cloud อีกราว 12% ดังนั้นกว่า 50% ของรายได้รวมทั้งหมดของ MFEC เป็นธุรกิจที่เราคาดจะเติบโตที่ดีระดับ Double Digit ในยุค 5G

Digital Transformation คือโอกาสใหญ่สำหรับ MFEC เช่นกัน

ในแง่ Business Model เนื่องจากธุรกิจดั้งเดิมของ MFEC เป็นการวางระบบ Core System ให้กับองค์กร เอกชนขนาดใหญ่ ทำให้ตลาดติดภาพว่า MFEC ต้องทำงานในลักษณะ Legacy IT ที่ได้รายได้เป็น One-time  และต้องลุ้นงานประมูลทุกปี แต่ในความเป็นจริงการทำ Digital Transformation ในระยะแรกจะเป็นการต่อ ยอดจาก Core System ไปสู่ End users หรือการทำ Direct to Customer ซึ่งเป็นขอบเขตความสามารถของ MFEC อยู่แล้ว เช่น งานพัฒนาระบบให้เข้าถึงลูกค้า การปกป้องฐานข้อมูล หรืออื่นๆ ดังนั้น ยิ่งตลาดก้าวเข้าสู่ Digital Transformation มากขึ้น MFEC ก็จะยิ่งมีโอกาสได้เติบโตเพิ่มมากขึ้นไปพร้อมกับการปรับตัวของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไปสู่ยุค Digital

คงคำแนะนำ บน “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 13.60 บาท ต่อหุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 13.60 บาทต่อหุ้น อิง PER 20x ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อ ขาย บน PER65/66 ที่ 15x ต่ำกว่ากลุ่ม Digital ที่ซื้อ ขายบน PER65 ที่ 45x มากเกินไป และยังไม่ได้สะท้อนกำไรที่จะเติบโตเฉลี่ย 24% ในปี 2565-2566 เรามอง MFEC ไม่ใช่เพียงแค่ SI แต่จะเป็นหนึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Economy เหมือนรายอื่นในกลุ่ม แต่ยังถูกตลาดประเมินความสามารถต่ำเกินไป

ความเสี่ยงสำคัญ คือ การปรับ Business Model เป็น Tech Co. อาจไม่ได้เกิดขึ้นเร็วอย่างที่คาด, รอบการลงทุนด้าน IT ของภาคเอกชนมาช้ากว่าคาด และการส่งมอบงานทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา

- Advertisement -