KS Daily View 07.04.2022 >>> ดอกเบี้ยสหรัฐขาขึ้น/ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ประเมิน SET อ่อนตัวตาม/ กรอบ SET คาด 1685-1690 หุ้นแนะนำ BH

ตลาดต่างประเทศ : ทิศทางการลงทุนในช่วงเดือน เม.ย.65 ดังที่ KS ประเมินว่าตลาดหุ้นโลกยังไม่ใช่ขาขึ้นในระยะยาว ระยะสั้นจะเห็นการปรับฐานก่อน โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นสหรัฐ : (ดัชนี Nasdaq –4.4%,ดัชนี S&P500 -2.2% โดยกลุ่มที่ปรับฐานแรงหลักๆ มาจากกลุ่ม Technology และ กลุ่ม Growth มากกว่ากลุ่ม Value เห็นได้จากดัชนี Nasdaq ปรับลงแรง ส่วน Sector ที่แข็งแกร่งและปรับขึ้นเมื่อวานคือกลุ่ม Utilities +2%,REITs +1.6%, Health Care +1.55%) ส่วนตลาดหุ้นฝรั่งเศส (ดัชนี CAC40 -3.4%), ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (ดัชนี Nikkei -1.4%) ส่วน SET Index -0.1%

KS ประเมิน SET index วันนี้มีโอกาสอ่อนตัวตามตลาดหุ้นฝั่งพัฒนาแล้ว โดยหุ้นในกลุ่ม Growth ไทยที่ปรับขึ้นมา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา BBIK BE8 ระยะสั้นมีโอกาสถูกแรงกดดันในวันนี้ โดยประเมินช่วงจากนี้ตลาดหุ้นจะยังถูกแรงกดดันต่อจากการส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินตึงตัว(Hawkish) จากธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) : เริ่มจาก 1 ในคณะกรรมการ Fed Brainard เผยว่า Fed น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุม เดือน พ.ค.65 และจะเริ่ม(Quantitative Tightening) หรือ QT เพื่อลดขนาดงบดุล(Balance Sheet) ประกอบกับรายงาน Fed Minutes ที่ออกมาเมื่อคืน เผยกรรมการเฟดเห็นตรงกันสนับสนุนให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps และ ปรับลดขนาดงบดุล 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เริ่มในเดือน พ.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้หากดู Fed Fund Future ล่าสุด คาด ดอกเบี้ยสหรัฐ ณ.สิ้นปี 2565 จะอยู่ที่ 2.5-2.75% KS ประเมินว่าจะเห็น Fed ขึ้นดอกเบี้ยฯ 50 bps ราว 3-4 ครั้งติดๆ ใน 6 การประชุม Fed ที่เหลือของปีนี้ ผลต่อตลาดหุ้น KS ทำการศึกษาสถิติในอดีตรอบที่แล้วในปี 2561 รอบที่ Fed ลด Balance Sheet ลง 373 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 9.3% ของยอดคงเหลือของในปี 2561 โดยพบว่า

1.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีเพิ่มขึ้น 28 bps, ดัชนี MSCI ACWI ลดลง 11% ในปี 2561 เชื่อว่าในรอบนี้มีโอกาสคล้ายกันคืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐมีโอกาสปรับขึ้น แต่ Upside การขึ้นไม่มากแล้ว ส่วน ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยจะปรับฐานลง แต่เชื่อว่าจะไม่ลงแรง และลงลึกเหมือนอดีต KS ประเมิน แนวรับของ SET index ครั้งนี้ 1665 และ 1675 จุด

2.) สงครามรัสเซีย-ยูเครน ล่าสุด ดูเหมือนจะยืดเยื้อต่อ แม้การปะทะทางทหารลดระดับความตึงเครียด แต่การคว่าบาตร (Economics Sanction) กับรัสเซีย จากประเทศฝั่งสหรัฐ และยุโรปยังมีต่อ ล่าสุด ยุโรปจะเริ่มคว่าบาตรนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านยูโรต่อปี และสหรัฐล่าสุดเตรียมประกาศแบนการลงทุนใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย ตลอดจนคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินของรัสเซีย โดยรวมเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นผันผวนรายวัน รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้นอาจจะมีแรงหนุนให้อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะน้ำมันดิบ แต่ KS แนะนำระมัดระวังการถูก Take Profit เพราะน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมา (51% ที่หนุนราคามาจากการเก็งกำไร) ต้องระมัดระวัง

กลยุทธ์การลงทุน : KS ยังคงมุมมองเดิมคือ ตลาดหุ้นโลกและ SET Index ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้มีจะแกว่งตัวลง (Sideway Down) แต่ยังไม่ใช่ขาลง คาด SET index ระยะสั้นมีโอกาสผันผวนจากประเด็น Fed โดยรวมทำให้ ยังคงแนะนำ “ยังไม่เพิ่มน้ำหนักพอร์ตการลงทุน” แต่แนะนำ Take profit หุ้นที่มีกำไร และ Trading โดยเป็นวิธีการการสับเปลี่ยนกลุ่ม(Rotation) ไปในกลุ่มที่หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีความแข็งแกร่งช่วงที่ตลาดผันผวนหลักๆแนะนำ 3 กลุ่ม คือ 1.) กลุ่มการแพทย์ 2. Utilities 3. กลุ่ม REITS โดยแนะนำ BJC, OSP, GPSC, BGRIM, BH, และ BEM.

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1685-1690 หุ้นแนะนำ BH

Top pick :

  • BH (ราคาพื้นฐาน 166.0 บาท) เราประเมินหุ้นโรงพยาบาลเป็น 1 ในหลุมหลบภัยระยะสั้น โดยชอบโรงพยาบาลเงินสด ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดย BH ยังเห็นความผู้นำของกลุ่มโรงพยาบาล จากกลยุทธ์การเพิ่มการรักษาเป็นระดับจตุตภูมิ ทั้งการดูเลเคสที่ซับซ้อนมากขึ้น (ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ) คาดจะเห็นการฟื้นตัวรายได้และกำไรที่ขยายตัวในปี 2565 คาดคนไข้จะดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกปี 2565 และกลับไปก่อนเกิด Covid ในช่วงครึ่งหลัง และเป็นหุ้น Defensive ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกจำกัด เป็นกลุ่มที่มีอำนาจกำหนดราคา และสามารถส่งผ่านภาระต้นทุนที่ปรับขึ้นไปให้ลูกค้าได้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. คาด -2.7% MoM เป็น 42.1 จุด ตัวเลข Industrial production ของเยอรมันเดือน ก.พ. คาด -0.2% MoM ตัวเลข Retail sales ของยูโรโซน เดือน ก.พ. คาด +0.7% MoM และ +6.2% YoY ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +2.00 แสนคน ถ้อยแถลงของ Fed Bullard, Fed Williams, Fed Evans, และ Fed Bostic
  • วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือน มี.ค. คาด -3.7% MoM เป็น 34 จุด และตัวเลข Wholesale inventories ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +2.1% MoM
- Advertisement -