UBE พร้อมรุกตลาดแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคต่อเนื่อง คาดอีก 3 ปี รายได้เกิน 10,000 ล้าน ด้านผลงานปีนี้มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รับอานิสงส์ความต้องการแป้งมันสำปะหลังทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการสูง อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ทั้งยังมีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง เผยตั้งเป้าปรับพิ่มสัดส่วน EBITDA หลังมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง จากเดิม 19% เพิ่มขึ้นเป็น 30% ก่อนทยอยเพิ่มสัดส่วนในปีถัดไป เพื่อให้กลายเป็นธุรกิจหลักในอนาคต

นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 15% โดยมาจากการจำหน่ายสินค้าประเภท High Value Product ในกลุ่มแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค และแป้งฟลาวมันสำปะหลัง ซึ่งคาดจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นราว 50% เนื่องจากบริษัทได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ภายใต้แบรนด์ Tasuko เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และแพ้กลูเตน (Gluten-free) สามารถใช้ประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่นเดียวกับแป้งสาลี ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี และคาดว่าปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ภายใต้แนวคิด Future Food เพื่อคน ทุก Gen เช่น แป้งสำหรับทำขนมและเบเกอรี่ โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวแป้งทำขนม เช่น คัพเค้ก เครป และเค้กกล้วยหอม ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้ว

ขณะที่ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2565-67) คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 100% หรือมีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท และตั้งงบสำหรับการลงทุนในปี 2565-66 อยู่ที่ประมาณ 1,550 ล้านบาท โดยแบ่งงบประมาณ 550 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังการผลิต การปรับปรุงคุณภาพในส่วนของแป้งมันสำปะหลังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล โดยจะเป็นลักษณะการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตแบบคอขวด (Debottleneck)

“คาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยมีการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  สู่ตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ประกอบกับความต้องการแป้งมันสำปะหลังทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการสูง อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงจะมีปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น ส่วนเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม จะยังคงมีความต้องการที่ต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะขยายไลน์การผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลัง และแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีถัดไป” นางสาวสุรียส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าที่จะปรับสัดส่วนกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง จากเดิม 19% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2565 และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนในปีถัดไป เพื่อให้กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต

*********

- Advertisement -