Our View? “เพื่อนฟื้น เราฟื้น”
คาดตลาดวันนี้ “ฟื้นตัว” มองแนวรับที่บริเวณ 1,675 / 1,670 และแนวต้านที่บริเวณ 1,690 / 1,700 คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นได้บ้างตามตลาดสหรัฐ-ภูมิภาค หลังอ่อนตัวลงแรงรับรู้ความกังวลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 50 BPS หนึ่งหรือสองครั้งในการประชุมครั้งถัดไปหากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และปรับลดขนาดของงบดุล (QT) เดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างเร็วที่สุดเดือน พ.ค. จากงบดุลของ FED ที่อยู่ในระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ ไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ ดัชนี VIX Index เมื่อคืนนี้ไม่ได้มีภาพของการดีดตัวกลับขึ้นแรง โดยล่าสุดอยู่เพียงระดับ 21.55 จุด สะท้อนตลาดไม่ได้ตกใจกับแนวโน้มการปรับใช้นโยบายทางการเงินของ FED ที่ตึงตัวมากขึ้น
อีกทั้งเรายังคงมุมมองว่าราคาน้ำมันดิบ WTI. น่าจะปรับตัวขึ้นเป็นจุดพีคไปแล้วในช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ ผ่านมาที่ระดับราว 130 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่จะทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของกลุ่ม IEA กว่า 120 ล้านบาร์เรล สหรัฐ-EU ไม่สามารถออกมาตรการกีดกันการส่งออก พลังงานของรัสเซียได้เพิ่มเติม รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาและอิหร่าน ซึ่งจะเป็นปัจจัย กดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงได้สะท้อนแนวโน้ม Cost-push Inflation ที่จะทยอยอ่อนตัวลงตั้งแต่ช่วง 2065 นี้ ถัดไป ซึ่งคาดจะช่วยคลายความกังวลในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงการคุมเข้มนโยบายทางการเงินของ FED ในช่วงครึ่งปีหลังได้
อย่างไรก็ตาม คาดความกังวลวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็น Overhang ถ่วงตลาดได้อยู่ โดยล่าสุดสหรัฐ-สหภาพยุโรป (EU) เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยเป็นการสั่งห้ามการลงทุนทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึงคว่ำบาตรธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) และอัลฟา แบงก์ (Alfa Bank) ซึ่งเป็นสองสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย เรามองปัจจัยดังกล่าวคาดอาจไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและการลงทุนมากนัก แต่คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นกับตลาดได้บ้าง
สําหรับปัจจัยภายในประเทศ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้เริ่มเห็นภาพของการอ่อนตัวลง หลังเราประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมี Upside ในระยะสั้นที่จำกัด หากพิจารณาในแง่ Valuation ของตลาดหุ้นไทย โดย Bloomberg Consensus จากคาดการณ์ EPS’65 ของตลาดอยู่ที่ระดับ 96.0 บาท หากคำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ย 5 ปี ของ Forward PE Ratio ที่ระดับ 18.0 เท่า ขณะที่ปัจจุบันตลาดแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 1,680-1,700 จุด ทำให้เหลือ Upside จากที่เรา ประเมินไว้เพียงราว 2.0-3.0% สะท้อนภาพตลาดในปัจจุบันอยู่ในมูลค่าที่ตึงตัวในระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวในการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาล คาดจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายมีโอกาสเบาบางลงไป ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่อาจเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบจํากัด โดยเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่ม (OSP, ICHI และ SAPPE) คาดจะได้ปัจจัยบวกจากปัจจัยเชิงฤดูกาล รวมทั้งแนวโน้มการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนผสมของ CBD ในช่วง 2Q65 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กระทรวงท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ศบค. ปลดล็อกมาตรการเข้าประเทศ โดยยกเลิก Thailand Pass คาดเริ่มวันที่ 1 มิ.ย. คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรมปรับตัวขึ้นได้ต่อ (AOT, AWC, ERW, CENTEL และ MINT)
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “YGG”
กลยุทธ์ ซื้อเล่นสั้น แนวรับ 12.20 / 11.80 Target 13.20 / 14.60 Stop <11.60