บล.พาย:

บมจ. โออิชิกรุ๊ป (OISHI) “แนวโน้มยังดูดี แต่ต้นทุนยังต้องระวัง”

การขายยังโตได้ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร

แนวโน้มช่วง FY2Q22 ที่ผ่านไปล่าสุดในแง่การขายคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงได้ โดยกลุ่มเครื่องดื่มได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน การฟื้นตัวของตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม และตลาดส่งออกที่เติบโตได้อย่างมากหลังเปิดประเทศมากขึ้นทั้งที่ลาวและกัมพูชา และมีการขยายช่องทางการขายไปยังร้าน KFC เพิ่ม หลังจากทำได้แล้วกว่า 51 ร้าน ณ สิ้นงวด FY2Q22 และมีเป้าเพิ่มอีก 50 ร้านในอนาคต ส่วนธุรกิจร้านอาหารยังคงมีแผนการเปิดร้านเพิ่ม 10-15 สาขาต่อปี โดยล่าสุดมีการเปิดร้านรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ โออิชิ บิซโทโระ (Oishi Biztoro) ที่เป็นแบรนด์ที่ใช้เนื้อที่ไม่เยอะ เพื่อให้สามารถเปิดในสถานที่ที่ไม่ต้องใหญ่มากและใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากขึ้น

สำหรับปัญหาที่เริ่มเห็น คือ ต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขวด PET หรือราคาวัตถุดิบอาหาร ทาง OISHI มีการปรับราคาอาหารไปบางส่วน รวมถึงซื้อล่วงหน้าแล้วบางส่วน และด้วยการเป็นบริษัทลูกของไทยเบรฟ ทำให้การจัดซื้อได้รับราคาที่ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม หากราคายังคงยืนสูงต่อ คาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบในช่วง FY3Q22 เป็นต้นไป

Y1Q22 กำไรสุทธิ 388 ลบ. สูงสุดตั้งแต่ FY3Q19

กำไรสุทธิงวด FY1Q22 (ต.ค.-ธ.ค.21) มีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและร้านอาหาร ทำให้มีกำไรสูงถึง 388 ลบ. (+72%YoY, +1,965%QoQ) สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส มีรายได้อยู่ที่ 2,982 ลบ. (+12%YoY, +37%QoQ) แบ่งเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม 1,694 ลบ. (+14%YoY, +10%QoQ) เติบโตจากอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวและการส่งออกที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจอาหาร 1,288 ลบ. (+9%YoY, +100%QoQ) ฟื้นตัวหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด และทำให้ยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) เติบโตได้ 5.4%YoY ขณะที่การเปิดสาขาใหม่มีจำนวน 5 สาขา แต่มีปิดไป 2 สาขา ทำให้สาขารวมอยู่ที่ 258 สาขา กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 35% เพิ่มขึ้นจาก 33% ใน FY1Q21 และ 26% ใน FY4Q21 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 610 ลบ. (-10%YoY, +8%QoQ) เกิดจากการใช้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง (แต่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 23%QoQ)

ปรับกำไรขึ้นหลัง FY1Q22 ออกมาดี

กำไรสุทธิในช่วง FY1Q22 ที่ออกมาคิดเป็นสัดส่วนกว่า 46% ของกำไรสุทธิทั้งปี ที่เราคาดไว้ที่ 846 ลบ. ทำให้เรามีการปรับประมาณการทั้งปีขึ้นจากเดิม 11% มาอยู่ที่ 937 ลบ. (+71%YoY) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ราคาปัจจุบันใกล้เคียงกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 50 บาท (20XPER’22E) เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” เช่นเดิม

- Advertisement -