Daily Focus: Selective and Value Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์เล็กน้อยหลังปรับตัวลงแรงพอสมควรในวันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดบวก 3.59 จุด กลุ่มที่ปรับตัวได้แข็งแรง ได้แก่ ค้าปลีก อสังหา การแพทย์ ซึ่งล้วนแต่เป็น Domestic Play สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1 พันลบ.และ 208 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long SET50 Index Futures เล็กน้อย 4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,680-1,690+- จุด เนื่องจากเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวสงกรานต์ ขณะที่สัปดาห์นี้มีปัจจัยต้องติดตามคือเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ของประเทศสำคัญอย่างจีน สหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งมีผลต่อความกังวลเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะ FED ที่จะดึงตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาด ปัจจัยดังกล่าวยังคงกดดันสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นที่มี PER สูงอย่างกลุ่ม Growth และ Tech เราประเมินว่า SET Index มีโอกาสแกว่งพักตัวระยะสั้นในช่วงสั้น 1-2 เดือนนี้ โดยมองมีโอกาสอ่อนลงหาระดับ 1,600-1,650+- จุด อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการ “สะสม” เพื่อถือลงทุนระยะกลางยาว เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตเร่งตัว และโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นชัดขึ้นใน 2H22 เป็นต้นไป หุ้นที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี PER/PBV ต่ำ ทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อและนโยบายการเงิน โดยเฉพาะ FED ที่จะตึงตัวเร็วได้ดี เรายังชอบกลุ่ม ธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหาร และเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนหุ้นที่ยังมี Valuation ต่ำ และยังเน้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR

หุ้นเด่นวันนี้ : ILINK

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
  • ปี 2022 เป็นปีที่โดดเด่นของธุรกิจ Distribution จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโครงข่ายและความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและเสถียร ทําให้มีความต้องการ Cabling ซึ่ง ILINK มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ขณะเดียวกัน ITEL จะฟื้นหลังถูกกระทบจากโควิด และได้ Strategic partner รุกธุรกิจ Data center
  • คาดกําไรสุทธิปี 2022-2023 +16% Y-Y และ +15% Y-Y ตามลำดับ และมี Upside ราว 15% ต่อปีใน 2 ปีข้างหน้า หากชนะงานประมูลก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า มูลค่ากว่า 1 พันลบ. มีผลต่อราคาเป้าหมายราว 1.2-1.4 บาท/หุ้น
  • แนวรับ 8.60//8.40 บาท แนวต้าน 9.50//10 บาท

Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคบางลงตามคาดเหลือ US$739 ล้าน ยังคงนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$436 ล้าน และ US$390 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนชะลอการไหลออกจากไทยและเวียดนาม และยังไหลเข้าอินโดนีเซียหนาแน่น US$98 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก  แต่ปริมาณคาดไม่หนาแน่นเท่าสัปดาห์ก่อน โดยสัปดาห์นี้จับตาเงินเฟ้อหลายประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางใหญ่ทั่วโลก

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) สัปดาห์นี้จับตาเงินเฟ้อหลายประเทศ โดยเป็นตัวเลขเดือน มี.ค. 22 เริ่มที่จีนวันนี้ ตลาดคาด -0.1% Q-Q, +1.2% Y-Y ต่อด้วยสหรัฐฯคืนวันอังคาร ตลาดคาด +1.2% M-M, +8.5% Y-Y และอังกฤษในวันพุธ ตลาดคาด +0.7% M-M, +6.7% Y-Y ยังเห็นการเร่งตัวขึ้นทั้ง M-M และ Y-Y ทุกประเทศยกเว้นจีนที่ COVID-19 ระบาดอีกครั้ง หากตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศหลักออกมาสูงกว่าคาด จะเป็นตัวเร่งความกังวลนโยบายการเงินธนาคารต่างๆที่จะดึงตัวเร็ว และเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้น Growth และ Tech ที่มี PER สูง หุ้น Top Pick 2Q22 ของเรา ได้แก่ BCP CPALL CPN IVL JR ORI OSP SHR TTB

(0) ADVANC คาดกำไร 1Q22 ชะลอตัว -2% Q-Q, +5% Y-Y จากรายได้ที่ถูกกระทบจากการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะการแย่งลูกค้าของคู่แข่งสำหรับธุรกิจมือถือ ขณะที่ธุรกิจ FBB ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนด้านต้นทุนยังปรับตัวขึ้นตามการลงทุนขยายโครงข่าย 5G การร่วมทุน JV ยังคงต้องใช้ระยะเวลาแต่จะเป็นบวกระยะยาว ทั้ง Data Center รวมกับ Singtel และ GULF และธุรกิจไฟแนนซ์ AISCB เรายังคงราคาเป้าหมาย 260 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) TVO แนวโน้มราคาถั่วเหลืองยังทรงสูง +16% Y-Y จากสต็อกถั่วเหลืองโลกดึงตัว หลัง USDA ออกรายงานล่าสุด 8 เม.ย. ปรับลดผลผลิตโลกลงเป็น -5% Y-Y และคาดสต็อกถั่วโลกลดแรง -13% Y-Y จากภาวะ La Nina กระทบผลผลิตโซนอเมริกาใต้ ขณะที่ปัญหา ASF ของไทยเริ่มคลี่คลาย และ Demand สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้ความต้องการกากถั่วเหลือง 1Q22 เพิ่มขึ้นดี กอปรกับบริษัทมีสต็อกถั่วเหลืองที่ซื้อไว้ล่วงหน้าในราคาต่ำ ทําให้ต้นทุนถั่ว 1Q22 ปรับลดลง จึงคาดกำไร 1Q22 จะฟื้นแรง +449% Q-Q และเชื่อว่าผ่านกําไรต่ำสุดใน 4Q21 ไปแล้ว เราคาดกำไรปี 2022 -4% Y-Y เพราะฐานสูงปีก่อน แต่แนวโน้มราคาถั่วเหลืองยังเป็นบวกต่อการดำเนินธุรกิจ เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 34 บาท และคาด Dividend Yield ทั้งปี 6.7% แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) PJW เซ็น MOU กับ EA ในการวิจัยและพัฒนาเปลือกแบตเตอรี่ และระบบหล่อเย็นด้วยพลาสติกคุณภาพสูง  คาดรายได้จะเริ่มเข้าในปี 2023 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ลบ. ในปีแรก ยังไม่มีนัยยะเมื่อเทียบกับรายได้ปัจจุบันที่ปีละ 3.5-4.0 พันลบ. เบื้องต้นอาจเพิ่มราคาเป้าหมายอีก 0.25-0.30 บาทต่อหุ้นเฉพาะในปี 2022  ก่อนที่ยอดขายจะเพิ่มอย่างรวดเร็วในปีที่ 2-3 ตามตลาดรถ EV ในประเทศและส่งออก เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันที่ 6 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 137.55 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 34,721.12 จุด จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้น

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ท่ามกลางติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.ในเช้านี้

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น อยู่ที่บริเวณ 33.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 98.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านอุปทาน หลังจากหลายประเทศประกาศแผนการที่จะระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองทาง ยุทธศาสตร์

(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,945.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,090.49 / +3.19

- Advertisement -