บล.ทรีนีตี้

ธนาคารกรุงเทพ – BBL

คาดกําไร 1Q65 ดีขึ้น หลังค่าใช้จ่ายและสำรองหนี้ลด

  • คาดกำไร 1Q65 ที่ 7,957 ล้านบาท ดีขึ้น 26%QoQ และ 15%YoY
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจทรงตัว หลังสินเชื่ออ่อนตัวเล็กน้อย
  • ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคาดจะอ่อนตัว จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงตามฤดูกาล และอาจเห็นกำไรจากเงินลงทุนลดลงจากฐานสูงในไตรมาสก่อน
  • ปัจจัยหนุนหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และในไตรมาสก่อนยังมีค่าใช้จ่ายที่เป็น One-time ด้วย
  • คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลงเล็กน้อย สัดส่วน NPL อาจเพิ่มขึ้นบ้าง แต่สำรองส่วนเกินที่มีเพียงพอทำให้ไม่น่ากังวล
  • ราคาหุ้นยังค่อนข้าง Laggard ธนาคารขนาดใหญ่อื่น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 172 บาท

คาดกำไร 1Q65 ดีขึ้น หลังค่าใช้จ่ายและสำรองหนี้ลด

เราคาดกำไร 1Q65 ที่ 7,957 ล้านบาท ดีขึ้น 26%QoQ และ 15%YoY โดยคาดรายได้ดอกเบี้ยทรงตัว QoQ หลังสินเชื่อยังอ่อนตัวเล็กน้อย ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคาดอ่อนตัว 8%QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงหลังผ่านช่วง High Season และกำไรจากเงินลงทุนลดลงจากฐานสูงใน 4Q65 ปัจจัยหนุนในไตรมาสนี้จึงมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่คาดว่าจะลดลงราว 13%QoQ จากผลทางฤดูกาล และในไตรมาสก่อนมีค่าใช้จ่ายที่เป็น One-time อีกด้วย ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่คาดว่าจะลดลง 3%QoQ แม้ว่าอาจเห็นสัดส่วน NPL ปรับตัวขึ้นมาบ้าง หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ แต่ด้วย Coverage Ratio ที่สูงถึง 229% สะท้อนว่าสำรองส่วนเกินที่เพียงพอ ทำให้ธนาคารจะสามารถลดสำรองส่วนเกินที่ตั้งเพิ่มในแต่ละไตรมาสได้

คาดปี 65 กำไรยังฟื้นตัวต่อเนื่อง

เราคาดกำไรปี 65 จะเติบโตราว 15%QoQ โดยหลักมาจากสินเชื่อที่เติบโตดีขึ้น รายได้ดอกเบี้ยและมิใช่ดอกเบี้ยที่ฟื้นตัว ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจลดลง จากความกังวลด้านคุณภาพหนี้ที่น้อยลงกว่าปี 63-64 ขณะที่สำรองส่วนเกินที่เพียงพอ นอกจากนี้ยังคาดว่าผลการดำเนินงานของ Permata จะฟื้นตัวได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มฯ

เราให้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 172 บาท อิง PBV 0.65 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ PBV เพียง 0.53 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ มาก จึงมีความน่าสนใจในแง่ Valuation แนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

- Advertisement -