“เข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ” แนะลงทุนเน้นหุ้น Value Play ซึ่งมี P/E ต่ำ SET คาด 1665-1670 หุ้นแนะนำ CENTEL, BH
ตลาดต่างประเทศ : สัปดาห์นี้ KS ยังคงคาดตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวลง (Sideway Down) หลังจากสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500, DJIA, และ NASDAQ -0.8%, -2.1% และ -2.6% ตามลำดับ จากความกังวล Fed จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อคุมเงินเฟ้อ หลังรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน มี.ค. ออกมาที่ 8.5% YoY สูงสุดในรอบ 40 ปี ส่วนตลาดหุ้นจีนดัชนี CSI300 index ปรับตัวลง -0.92% WoW กังวลโควิด-19 และ KS ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมในภาพใหญ่สัปดาห์นี้ยังไม่เห็นปัจจัยบวก แต่ปัจจัยลบคาดยังมี
1.) ความกังวล Geopolitical Risks กลับมาปะทุอีกครั้ง ทั้งฝั่งรัสเซีย VS. ยูเครน ยังเห็นใช้กำลังปะทะ และยกระดับการคว่ำบาตร(Economics Sanction) กับรัสเซียจากประเทศฝั่งยุโรป รวมถึงความตึงเครียดระหว่าง ฝั่งสหรัฐ,ไต้หวัน และ จีน) ล่าสุด จีนซ้อมรมทางอากาศ และเรือใกล้ไต้หวัน
2.) สถานการณ์ Covid ในจีน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อยังทรงตัวสูง ทำให้ยังเห็นการ lockdownล่าสุด คือ เมืองซีอาน โดยรวมปัจจุบันมี 45 เมืองในจีนถูกจำกัดพื้นที่ หรือคิด 40.3% ของ GDP จีน กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยเช้านี้ติดตาม จีนจะเผยตัวเลข GDP งวด 1Q22 (ตลาด คาดที่ +4.4% YoY) และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
3.) World GDP จาก IMF จะมีการออกประมาณการใหม่ในวันอังคาร 19เม.ย. มีโอกาสเห็นการ Downgrade ลงจากรอบที่แล้ว ม.ค.2022 ที่ IMF คาดปี 2022-23 อยู่ที่ 4.4% และ 3.8% ตามลำดับ จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน
4.) ประเด็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่แท้จริง(U.S. 10 year real yields) ล่าสุด ขยับขึ้นมาอยู่บริเวณ -0.08% ใกล้ 0 จากก่อนหน้า -1.0% ในช่วงต้นเดือน มี.ค.2022 ประเมินมีโอกาสขยับขึ้นมาใกล้ 0 และเป็นบวก ประเมินจะกดดันตลาดหุ้นพักฐานรอบใหญ่ก่อน คาดจะเห็นการเคลื่อนย้าย (Rotation) เงินไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าตลาดพันธบัตร จากสถิติในอดีตหาก Real yields เป็นบวกและขึ้นแรงๆ พบว่าตลาดหุ้น โดยเฉพาะ MSCI Emerging Market, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์, ราคาทองคำ ฯลฯ จะปรับลง
ตลาดในประเทศ : สัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักการประกาศผลประกอบการ (Earning) ในงวด 1Q22 เริ่มจากกลุ่มธนาคาร KS ได้ทำพรีวิวคาดกำไรกลุ่มธนาคารจะโตขึ้น 10% QoQ และ 1% YoY จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง โดยต้องจับตาการตั้งสำรององกลุ่ม แม้ตัวเลข NPL ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 2.98% ของสินเชื่อรวมซึ่งใกล้เคียงระดับก่อนเกิดโควิด-19 แต่ตัวเลขหนี้คงค้าง 1-3 เดือนยังทรงตัวในระดับสูงที่ 4 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 6.39% ของสินเชื่อรวมซึ่งสูงขึ้นจากระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 2.79% ของสินเชื่อรวม หุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร คือ SCB และ KKP ส่วนประเด็นอื่นๆเชื่อว่าตลาดยังให้น้ำหนักจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ และติดตามนโยบายการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าจะผ่อนคลายมากขึ้นหรือไม่ในการประชุม ศบค. วันที่ 22 เม.ย.
กลยุทธการลงทุน : KS ประเมินช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบกดดัน ส่วนปัจจัยบวกหลัก คือ “การเปิดประเทศ” ประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,665 และ 1,650 จุด ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่ 1,685 และ 1,700 จุด ตามลำดับ แนะนำการลงทุนเน้นหุ้น Value Play ซึ่งมี P/E ต่ำ คาดจะแข็งแกร่งกว่าตลาด และกลุ่ม Sector ที่แนะนำลงทุน คือ
1.) กลุ่มการแพทย์ (BH, BDMS)
2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า Utilities (GULF, GUNKUL, GPSC)
3.) กลุ่ม REITS (ALLY, B-WORK, DIF)
4.) กลุ่มที่ได้กระแสบวกจากการเปิดเมือง แนะนำ (BEM, CPN, MINT, CENTEL)
5.) กลุ่มส่งออก (ASIAN, SAPPE) ส่วนกลุ่มที่ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงลงทุน คือ กลุ่มที่อิง Global Play อาทิ กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, และหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาอยู่โซนบน และมีค่า P/E สูง
มุมมองตลาดหุ้น SET 1665-1670 หุ้นแนะนำ CENTEL, BH
Top pick :
- CENTEL (ราคาพื้นฐาน 41.55 บาท) เราประเมินยังมีกระแสเชิงบวกจากการเปิดเมือง เปิดประเทศ โดยปี 2565 ผู้บริหารคาดรายได้จากธุรกิจอาหารจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แตะระดับเดียวกับปี 2562(ปีก่อนเกิด Covid) ส่วนเป้า OCR ของโรงแรมอยู่ที่ 40-50% และรายได้ต่อห้องว่าง (RevPar) จะอยู่ที่ 1700-1900 บาท หรือเพิ่มขึ้น 120-146%YoY
- BH (ราคาพื้นฐาน 175.0 บาท) หุ้นโรงพยาบาลเป็น 1 ในหลุมหลบภัย โดยโรงพยาบาลเงินสด ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ BH ยังเห็นความผู้นำของกลุ่มโรงพยาบาล จากกลยุทธการเพิ่มการรักษาเป็นระดับจตุตภูมิ ทั้งการดูเลเคสที่ซับซ้อนมากขึ้น (ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ) คาดจะเห็นการฟื้นตัวรายได้และกำไรที่ขยายตัวในปี 2565 คาดคนไข้จะดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกปี 2565 และกลับไปก่อนเกิด Covid ในช่วงครึ่งหลัง เราคาดกำไร 1Q22 ของ BH จะเติบโต 14%QoQ และ 652%YoY หนุนจากรายได้และ Margin ที่สูงขึ้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามตัวเลข GDP 1Q22 ของจีน คาด +0.6% QoQ และ +4.4% YoY ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเดือน มี.ค. คาด +4.5% YoY ตัวเลข Fixed asset investment ของจีนใน 3M22 คาด +8.5% YoY ดัชนี NAHB Housing market index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 77 จุด (-2.5% MoM และเป็นจุดต่ำสุดนับแต่ ต.ค. 2021) และถ้อยแถลงของ Fed Bullard
วันอังคาร ติดตาม ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -2.3% MoM เป็น 1.75 ล้านยูนิต ตัวเลข Building permits ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -3%MoM เป็น 1.83 ล้านยูนิต ถ้อยแถลงของ Fed Evans และตัวเลขประมาณการ GDP โลกโดย IMF
วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของญี่ปุ่น เดือน มี.ค. คาด +17.5% YoY และ +28.9% YoY ดุลการค้าของญี่ปุ่นเดือน มี.ค. คาดขาดดุลการค้า -JPY100.8bn (ลดลงจากเดือนก่อนที่ -JPY668bn) ตัวเลข Loan prime rate 1 ปีของจีน คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.7% ดัชนี PPI ของเยอรมันเดือน มี.ค. คาด +2.3% MoM และ +27.9% YoY ตัวเลข Existing home sales ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -2% MoM เป็น 5.9 ล้านยูนิต ถ้อยแถลงของ Fed Daly และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
วันพฤหัสฯติดตาม ถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell ตัวเลข Philadelphia Fed manufacturing index เดือน เม.ย. คาด 20 จุด (ลดลงจากเดือนก่อนที่ 27 จุด) และตัวเลข Initial jobless claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +1.75 แสนคน (ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.85 แสนคน) และตัวเลข Consumer confidence flash เดือน เม.ย. ของยุโรป คาด -20 จุด (แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -18.7 จุด)
วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่นเดือน มี.ค. คาด +0.6% MoM และ +1.1% YoY ตัวเลข Jibun Bank Manufacturing PMI Flash ของญี่ปุ่น เดือน เม.ย. คาด 53 จุด (-1.9% MoM) ตัวเลข Jibun Bank Service PMI Flash ของญี่ปุ่น เดือน เม.ย. คาด 49 จุด (ทรงตัว MoM) ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน มี.ค. คาด -0.3% MoM ตัวเลข S&P Global/BME Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน เม.ย. คาด 54.4 จุด (-4.4% MoM) และถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde