บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Kiatnakin Bank (KKP.BK/KKP TB)* ผลประกอบการ 1Q65: ดีขึ้นทุกด้าน

Event

กำไรสุทธิของ KKP ใน 1Q65 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (+2% QoQ, +40% YoY) ดีกว่าประมาณการของ เรา/ของตลาดรวม (Consensus) 40%/18% เนื่องจากผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลงอย่างมาก และรายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่ง แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง กำไรจากธุรกิจหลักจะดีกว่าประมาณการของเราประมาณ 20%

Impact

สินเชื่อที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งช่วยหนุน NII

สินเชื่อรวมขยายตัว 7% QoQ และ 22% YoY โดยมาจากการเติบโตของสินเชื่อทุกกลุ่ม ได้แก่ i) สินเชื่อ H/P (+6% QoQ และ +25% YoY) ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เติบโตถึงประมาณ 26% ใน 1Q65 ii) สินเชื่อจดจำนอง (+8% QoQ และ +42% YoY) และ iii) สินเชื่อธุรกิจ (+10% QoQ และ +40% YoY) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อระยะสั้นสำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ IB ทั้งนี้ เนื่องจากสินเชื่อธุรกิจที่ yield เร่งตัวขึ้น ดังนั้น yield margin ของสินเชื่อรวมจึงลดลงประมาณ 15bps QoQ ส่งผลให้ NII เพิ่มขึ้น 1% QoQ และ 12% YoY

ผลขาดทุนขายรถที่ยึดมาลดลงอย่างมาก กำไรจากการค้าหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมดีขึ้น Non-NII แข็งแกร่งจากหลายด้าน โดยผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลงอย่างมากผิดคาดเหลือเพียง 251 ล้านบาท (จาก 489 ล้านบาทใน 4Q64 และ 2.1 พันล้านบาทในปี 2564) ส่วนกำไรจากการค้าตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 335 ล้านบาท (จาก 132 ล้านบาทใน 4Q64 และ 1.8 พันล้านบาทในปี 2564) และค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังแข็งแกร่งจากการที่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์ได้ อย่างไรก็ตาม มีเพียงค่าธรรมเนียม IB เท่านั้นที่ยังต่ำจนไม่มีนัยสำคัญในไตรมาสนี้

คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว

KKP อัดฉีดกระแสเงินสดเพิ่มให้กับลูกค้าในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม เพื่อให้กลับมาเปิดดำเนินการได้หลัง COVID ซึ่งมีส่วนช่วยให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารดีขึ้น โดย gross NPL ยังทรงตัว ในขณะที่สัดส่วน NPL coverage สูงขึ้น เพราะธนาคารตั้งสำรอง Overlay พิเศษเพิ่มขึ้น 150 ล้านบาท ในไตรมาสนี้

ปรับเพิ่มกำไรปี 2565/2566 ขึ้น 9%/18%, ปรับเพิ่ม TP-65F เป็น 81.50 บาท ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ

เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไร เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลงเหลือ 1.0 พันล้านบาท/500 ล้านบาท ในปี 2565/2566 (จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน 1.5 พันล้านบาท/1.0 พันล้านบาท) และการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ เรามองว่ากำไรของ KKP มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q65 จากการบันทึกรายได้ค่าที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างธุรกิจของ SCB ใน 2Q65 เรา re-rate PE เป็น 10x (จากเดิม 9.5x) ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2565F เพิ่มขึ้นเป็น 81.50 บาท (จากเดิม 72 บาท) และทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ

Risk

NPL สูงเกินคาด, ตลาดทุนผันผวน, ผลขาดทุนจากธุรกิจ H

- Advertisement -