บล.ทิสโก้:

SCG Ceramics คาดกําไร 1Q22F โต QoQ แต่ยังลด YoY

คาดดีมานด์ฟื้นตัว แต่ยังกังวลต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ดีมานด์กระเบื้องใน 1Q22 ฟื้นตัวได้ดีจากการผ่อนคลาย Lockdown และปัจจัยทางด้านฤดูกาล รวมถึงการขึ้นราคาขาย ทำให้เราคาดว่ายอดขาย 1Q22F ของ COTTO จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ส่งผลให้คาดกำไรฟื้น QoQ แต่จะยังคงลดลง YoY จากต้นทุนที่เพิ่ม เรายังคงคาดว่าดีมานด์จะดีขึ้นในปีนี้ แต่ยังกังวลต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนอกเหนือจากก๊าซธรรมชาติ เช่น ค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล แม้บริษัทจะมีการขึ้นราคาขายแต่ยังคงไม่ครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มทั้งหมด เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ แม้ว่าจะมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 16%

คาดกำไร 1Q22F ลด YoY จากต้นทุนเพิ่มแต่เติบโตขึ้นมาก QoQ จากฤดูกาลและการขึ้นราคาขาย

เราคาดการณ์กำไรสุทธิใน 1Q22F ไว้ที่ 176 ล้านบาท ลด 5.7% YoY แต่โต 187% QoQ โดยคาดกำไรจะลด YoY จาก Gross margin ที่คาดว่าจะลดลงจาก 28.9% เหลือ 27% เนื่องจากราคาขายที่ปรับขึ้นยังไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มได้ทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่คาดกำไรโต QoQ เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาล การผ่อนคลาย Lockdown และดีมานด์จากประเทศกลุ่ม CLM ที่ฟื้นตัวดี อีกทั้งการขึ้นราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน และใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยดีขึ้น QoQ ส่งผลให้คาด Gross margin กระเตื้องขึ้น QoQ จาก 25% แม้ว่าราคาก๊าซจะยังคงขึ้นต่อเนื่อง QoQ จาก 327 บาท/mmbtu เป็น 350-370 บาท/mmbtu ก็ตาม

ดีมานด์ที่ฟื้นตัว การลดต้นทุนและปรับราคาขายขึ้นจะช่วยผลักดันกำไรในปีนี้

เราคาดว่าดีมานด์กระเบื้องเซรามิกปีนี้ทั้งในไทยและตลาด CLM จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจเริ่มมีการเปิดโครงการ อสังหาริมทรัพย์ใหม่มากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา น่าจะทำให้ดีมานด์จากตลาด Commercial ฟื้น  โดยบริษัทจะใช้สินค้าใหม่ เช่น Air lon Tile, กระเบื้อง Mosaic, แผ่นปูพื้น LT และสุขภัณฑ์นำเข้าเพิ่มสัดส่วนสินค้า HVA ซึ่งให้มาร์จิ้นสูง รวมถึงเปิดสาขาคลังเซรามิคเพิ่มรายได้จากธุรกิจติดตั้ง Solar Cell คาดจะโตต่อโดยปัจจุบันมี Backlog อยู่ 300 ล้านบาท และยังมีโอกาสโตอีกมาก เช่น การติดตั้ง Solar Cell ในปั้ม NGV ของกลุ่ม PTT และลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนั้นบริษัทยังใช้กระแสเงินสดลงทุน 60% ใน JV ใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจค้าส่งและปลีกกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ในกัมพูชา ซึ่งดีมานด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะจัดตั้ง JV เสร็จใน 2Q22 และเริ่มดำเนินธุรกิจภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนของมาร์จิ้นบริษัทจะขึ้นราคาขายอีก เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงลดต้นทุนอีก 50-60 ล้านบาท เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิต และสัดส่วนสินค้า HVA ซึ่งมาร์จิ้นสูง และปรับราคาของธุรกิจติดตั้ง Solar Cell เพิ่ม เพื่อสะท้อนราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้น เพื่อดึงให้ Gross margin ฟื้นตัวจาก 2% ในปีที่แล้วเป็น 7-10% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงกังวลต้นทุนพลังงานที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น ค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซล (ค่าขนส่ง) ในขณะที่ยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทผ่านเอเยนต์ทำให้การขึ้นราคาต้องใช้เวลา

คงคำแนะนํา ถือ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 2.48 บาท

เราคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเราที่ 2.48 บาท ซึ่งคิดจาก PER ปี 2022F ที่ 21.4x (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของบริษัท +1 Stdev) และยังคงคำแนะนำ ถือ ความเสี่ยงด้านบวก คือ ดีมานด์กระเบื้องและยอดขายที่ดินดีกว่าคาด, ต้นทุนพลังงานและค่าใช้จ่าย S&A ต่ำกว่าคาด, การขึ้นราคาขาย ความเสี่ยงด้านลบ คือ ดีมานด์ซบเซา ต้นทุนเพิ่ม และการแข่งขันรุนแรง

- Advertisement -