บล.ทรีนีตี้

ธนาคารทหารไทยธนชาต – TTB ค่าใช้จ่ายลดทําให้กำไร 1Q65 ดีกว่าคาด

  • กำไร 1Q65 อยู่ที่ 3,194 ล้านบาท ดีขึ้น 14%QoQ และ 15%YoY ดีกว่าคาด 14%
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัว QoQ จากการเน้นปล่อยสินเชื่อคุณภาพ
  • และรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
  • แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงค่อนข้างมาก QoQ หลังเริ่มเห็นผลจากการปรับโครงสร้างภายในที่เริ่มลดค่าใช้จ่ายที่ทับซ้อนได้
  • ด้านคุณภาพหนี้ดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง QoQ
  • มองปี 65 กำไรเติบโตดีขึ้น หลังเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตมากขึ้น และยังอาจลดค่าใช้จ่ายจากหลังปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ
  • คงราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 1.5 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ค่าใช้จ่ายลดทำให้กำไร 1Q65 ดีกว่าคาด

TTB ประกาศกำไร 1Q65 ที่ 3,194 ล้านบาท เติบโต 14%QoQ และ 15%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ 14% โดยรายได้ดอกเบี้ยอ่อนตัวราว 3%QoQ จากการเน้นปล่อยสินเชื่อคุณภาพ เพื่อระมัดระวังความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อรวมอ่อนตัวเล็กน้อยราว 0.6%QoQ และ NIM อ่อนตัวลงราว 14 bps ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลงราว 10%QoQ จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงานลดลงถึง 13%QoQ แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล แต่ก็มีปัจจัยบวกจากการปรับโครงสร้างภายในที่ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงานลดลงตามจำนวนพนักงานที่ลดลง และค่าใช้จ่ายสาขา ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง 4%QoQ หลังแนวโน้มคุณภาพหนี้ดีขึ้น สัดส่วน NPL ลดลงจาก 2.77% ในไตรมาสก่อน เหลือ 2.70% ขณะที่สัดส่วน NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 133%

เริ่มกลับมาเน้นการเติบโตในปี 65

เราคาดกำไรปี 65 ไว้ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท (+22%YoY) โดยกำไรงวด 1Q65 คิดเป็นราว 25% ของประมาณการ สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการขยายสินเชื่อผ่านการ Synergy กับฐานลูกค้าของธนาคารธนชาตเดิม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดจะลดลง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างควบรวมกิจการ และค่าใช้จ่ายในการ Rebranding ต่างๆ ที่ต้องบันทึกในปี 64 ขณะที่ภาพรวมค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ทั้งปีคาดว่าจะลดลงเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มคุณภาพหนี้ไม่กดดันเช่นในปีก่อน บวกกับระดับสำรองส่วนเป็นปัจจุบันยังเพียงพอ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” เริ่มเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น

เราคงราคาเป้าหมายที่ 1.50 บาท อิง PBV 0.68 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากเริ่มเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น หลังในช่วงปีก่อนหน้าถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย และกระบวนการปรับโครงสร้างภายใน

ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

- Advertisement -