บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +12.9%

Close Apr 21, 2022 Price (THB) 381.00

Target (THB) 430.00

Previous Target (THB) 430.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 2.5 พันล้านบาท (+28.2% QoQ, +64.2% YoY) กำไรเติบโต QoQ มาจาก GPM ที่ฟื้นตัวเด่น กำไรที่เติบโต YoY มาจากการเติบโตของรายได้กลุ่ม Data Center
  • แนวโน้ม 2Q65 DELTA จะเจอแรงกดดันจากภาวะสงครามยูเครนกระทบยอดขาย EV Car และการ Lockdown ในจีนทำให้ Raw Material บางส่วน Shortage

Our view

  • อย่างไรก็ดี เรามองว่า DELTA ยังบริหารจัดการความเสี่ยงได้ เราคงประมาณการและราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 430.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 60x หรือ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง
  • เราคงคําแนะนํา “TRADING” อย่างไรก็ตาม หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนลากยาวตลอด 2Q65 ความเสี่ยงการเกิด Recession จะเพิ่มขึ้น หุ้นอาจถูกตลาดปรับลด PE-Band

DELTA ELECTRONICS 1Q65 โตเด่น แต่จะเริ่มเจอความเสี่ยงตั้งแต่ 2Q65

คาดกำไรปกติ 1Q65 เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY

คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 2.5 พันล้านบาท (+28.2% QoQ, +64.2% YoY) กำไรเติบโต QoQ มาจาก GPM ที่ฟื้นตัวเด่น กำไรที่เติบโต YoY มาจากการเติบโตของรายได้กลุ่ม Data Center สรุปสาระสำคัญดังนี้

1) คาดรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 720.2 ล้านเหรียญ (+1.0% QoQ, +15.3% YoY) ยอดขายเติบโตเด่นจากธุรกิจ Data Center โดยเฉพาะ High-End Data Center เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่ม Fan ที่กลับมาเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตในโรงงานแห่งที่ 7 อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่ม EV Business ยอดขายทรงตัวถึงชะลอตัวจากการชะลอตัวของฝั่ง Demand จากลูกค้า

2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23.0% (+287 bps QoQ, +145 bps YoY) ได้แรงหนุนจากค่าเงินบาท/USD เฉลี่ยที่ 33.05 (-1.0% QoQ, +9.1% YoY) และสัดส่วนการขาย Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี Margin สูง และ

3) คาด SG&A ที่ 3.0 พันล้านบาท (+7.9% QoQ, +9.9% YoY) SG&A ส่วนของ Selling Marketing ลดลง เพราะส่วนใหญ่ใช้สนับสนุนการขาย EV Segment แต่ R&D ยังสูงเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ EV Car ในพื้นที่ยุโรป

คาดการณ์กำไร 1Q65 คิดเป็น 27.6% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ที่ 8.9 พันล้านบาท (+47% YoY) DELTA จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 26 เม.ย. 2565

2Q65 เจอแรงกดดัน แต่ยังคง Guidance รายได้ USD ปี 2565 เติบโต 10%-20%

แนวโน้ม 2Q65 DELTA จะได้รับแรงกดดันจาก

1) วันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ที่ทำให้วันผลิตลดลง

2) สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในยุโรปในโรงงานของลูกค้า และทำให้เกิดปัญหาด้านการขนส่ง เนื่องจากชาวยูเครนเป็นแรงงานขับรถจำนวนมาก ต้องใช้ Air Freight ที่มีราคาแพง โดยสินค้าที่ขายไปยุโรปมากที่สุดคือ EV Car สะท้อนว่า Segment ดังกล่าวยังไม่ฟื้นตัวโดยเร็ว

3) นอกจากนี้ DELTA ทำการ stock Inventory สำหรับการผลิต EV Car ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี 4Q64 (เพราะปัญหาน้ำท่วมโรงงานทำให้ขาดแคลน จึงเร่ง Stock เพื่อให้พร้อมเติบโตตามเป้ารายได้ในปี 2565) ขณะที่ Demand ใน Segment EV เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอทำให้ DELTA อาจจำเป็นต้องเร่งระบายยอดขายกลุ่ม EV ก่อนที่ต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าราคาตลาด เป็นอีกแรงกดดันด้าน Margin ของกลุ่ม EV และ

4) การระบาดในประเทศจีนทำให้ DELTA เริ่มเผชิญแรงกดดันด้าน Raw Material สำหรับสินค้ากลุ่ม Data Center

อย่างไรก็ดี DELTA ยังคงเป้ารายได้เติบโต 10-20% YoY โดยแบ่งเป็น 1H 45% และ 2H 55% เช่นเดิม แม้มีแรงกดดันหลายด้าน แต่ DELTA ยังเชื่อว่าจะบริหารจัดการได้ เรามองว่าค่าเงินบาทเทียบ USD ใน 2Q65 (Run-rate) อยู่ที่ 33.57 (+1.6% QoQ, +7.1% YoY) น่าจะชดเชยแรงกดดันด้านต้นทุนได้บางส่วน

คงราคาเหมาะสม 430.00 บาทต่อหุ้น แนะนำ “TRADING”

เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 8.9 พันล้านบาท (+47% YoY) แต่จะเติบโตลดลงเหลือ 13% ในปี 2566 ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท เราคงคำแนะนำ “TRADING” ด้วยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 430.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 60x

อย่างไรก็ดี ต้องระวังเงื่อนไขสำคัญ คือ หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนลากยาวตลอด 2Q65 ความเสี่ยงการเกิด Recession จะเพิ่มขึ้น ในกรณีดังกล่าวเราจะปรับลด PE-Band ลงเป็น +0.5 SD ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเหมาะสมลดลงเป็น +/- 370.00 บาทต่อหุ้น ในเชิงเปรียบเทียบเราชอบ HANA ที่มี Valuation ถูกกว่ามาก ทำให้มี Downside จำกัดในกรณีที่เกิด Recession

- Advertisement -