บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Kiatnakin Bank (KKP TB) หุ้นเด่น กลุ่มแบงก์ขนาดกลางและเล็ก

เพิ่ม EPS และ TP สะท้อนสินเชื่อโตแกร่งและต้นทุนสินเชื่อลดลง

เรามั่นใจว่าสินเชื่อจะเติบโตแข็งแกร่งพร้อมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65-66 ขึ้น 6-8% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งขึ้น และต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 88 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 1.3 เท่า ROE 12.9%) จาก 80 บาท ราคาหุ้นถือว่าน่าสนใจมาก เนื่องจาก KKP ซื้อขายที่ PER ปี 55 ที่ 8.9 เท่า เทียบกับ TISCO (ซื้อ 110 บาท) ที่ PER 11.4 เท่า ปัจจัยบวกอยู่ที่การปรับเรตติ้งที่อาจเกิดขึ้นจากการเติบโตที่แข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ขณะที่ gap ของราคาเทียบกับ TISCO น่าจะแคบลง ความเสี่ยงที่สำคัญคือคุณภาพสินทรัพย์แย่ลง

กำไร 1Q65 น่าประทับใจ

แม้ว่ารายได้จากตลาดทุนจะอ่อนตัวลง QoQ แต่กำไรของ KKP เพิ่มขึ้น 41% YoY และ 2% QoQ เป็น 2.0 พัน ลบ. ในไตรมาส 1/65 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ 28% เนื่องจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และต้นทุนสินเชื่อที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ สินเชื่อเติบโต 21% YoY และ 7% QoQ โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจที่เติบโตแกร่ง ผลขาดทุนจากการขายรถยึดคืนลดลง 51% YoY และ 44% QoQ มาอยู่ที่ 273 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65 เนื่องจากจำนวนรถยนต์ที่ขายและขาดทุนต่อหน่วยลดลง KKP มีต้นทุนเครดิตที่ลดลง 178bp ในไตรมาส 1/65 เทียบกับ 279bp ในไตรมาส 1/64 อัตราส่วน NPL ลดลง 19bp QoQ มาอยู่ที่ 2.85% ในไตรมาส 1/65 โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์

ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยเติบโตอัตราเลขสองหลัก แตะ 3 แสน ลบ. ภายในปี 2567

เรามีมุมมองบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ KKP ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อย 3 แสน ลบ. จาก 2.19 แสน ลบ. ในไตรมาส 1/65 คิดเป็นสินเชื่อเติบโต 10-12% ต่อปี จากทั้งหมด 2 แสน ลบ.จะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ และ 1 แสน ลบ.จะเป็นสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ โดยธนาคารมีแผนที่จะขยายสินเชื่อคุณภาพดีในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อธุรกิจ ทั้งนี้ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 7% ในขณะนี้จาก 2% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้านสินเชื่อธุรกิจ CEO มองว่ามีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ธนาคารไม่มีแผนที่จะขยายสินเชื่อ SME

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น เพิ่มคาดการณ์กำไรปี 65-66

เราตอกย้ำมุมมองของเราที่ว่าผลกระทบด้านลบจากการระบาดใหญ่ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และต้นทุนสินเชื่อจะค่อยๆ ลดลงในปี 65-66 ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-66 ขึ้น 6-8% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงในไตรมาส 1/65 ทั้งนี้ CEO ตั้งเป้าต้นทุนสินเชื่อปกติอยู่ที่ 1.5-1.7% เทียบกับ 1.66% ในไตรมาส 1/65 เนื่องจากมีสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปัจจุบันที่เพียงพอ (NPL coverage ที่ 181% ในไตรมาส 1/65)

- Advertisement -