บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (maintain)

TP upside (downside) 9.6%

Close Apr 22, 2022 Price (THB) 2.28

12M Target (THB) 2.50

Previous Target (THB) 2.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติใน 1Q65 ที่ 542 ลบ. (+9.7 QoQ, +25.7% YoY) จากการโอนโครงการใหม่บางส่วน ประกอบกับการตั้งสำรองคดีฟ้องร้อง และการแบ่งขาดทุนจาก LHFG ใน 4Q64
  • คาด Presale 1Q65 ที่ 2.1 พันลบ. (-4.8% QoQ, +19.3% YoY) และคิดเป็น 23% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัท

Our view

  • เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ Presale 1Q65 ที่คิดเป็น 23% เทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัท คาดเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น HoH ใน 2H65 จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ หนาแน่นใน 3Q65
  • คงคำแนะนำ “TRADING” ราคาเหมาะสม สิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 2H64 ที่ 0.07 บาท/หุ้น (XD 28 เม.ย. 2565) Yield 3.1%

QUALITY HOUSES คาดกำไร 1Q65 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY

คาดกําไร 1Q65 เติบโต QoQ และ YoY

เราคาดกำไรปกติใน 1Q65 ที่ 542 ลบ. (+9.7% QoQ, +25.7% YoY) คาดเติบโต QoQ แม้ว่ายอดโอน กรรมสิทธิจะปรับตัวลดลง เนื่องจาก 1) ส่วนแบ่งกำไร LHFG คาดพลิกจากแบ่งขาดทุน 51 ลบ. ใน 4Q64 (เพราะ LHFG มีการตั้งสำรองสูงจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน) เป็นส่วนแบ่งกำไร 70 ลบ. ใน 1Q65 และ 2) ใน 4Q64 บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อผลเสียหายจากคดีฟ้องร้องและสำรองด้อยค่ามูลค่าโครงการ รวม 80 ลบ. คาดไม่มีการตั้งเพิ่มเติมใน 1Q65

ขณะที่คาดกำไรปกติเติบโต YoY จาก 1) การฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนในโครงการ Prukpirom New Ratchaphruek ซึ่งเป็นโครงการระดับบนมี GPM ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย สินค้าคงเหลืออื่นๆ เป็นผลให้คาด GPM จากการขายใน 1Q65 ที่ 31.0% (+33 bps QoQ, +115 pps YoY) และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจาก Hmpro คาดที่ 314 ลบ. เติบโต 16.1% YoY สอดอคล้องกับ SSSG ที่เป็นบวกในทุก format ระดับ 3%-8% และ GPM ที่ฟื้นตัวขึ้นจากสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ที่สูงขึ้น YoY

ทั้งนี้ หากกำไรปกติใน 1Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะคิดเป็น 24% และ 25% ของประมาณการปี 2565 เราและ Bloomberg Consensus ตามลำดับ

คาด Presale 1Q65 เติบโต 19% YoY

เราคาด Presale 1Q65 ที่ 2.1 พันลบ. (-4.8% QoQ, +19.3% YoY) คิดเป็น 23% เมื่อเทียบกับเป้าหมาย ทั้งปีของบริษัท ส่วนใหญ่ราว 95% เป็นโครงการแนวราบที่ 2.0 พันลบ. (-0.8% QoQ, +20.1% YoY) การ เติบโต YoY มาจากการเปิดโครงการแนวราบใหม่ 1 โครงการ คือ Prukpirom New Ratchaphruek (มูลค่า 2.7 พันลบ.) ทำ Take up rate ได้ 14% ในไตรมาสแรกของการเปิดตัว ขณะที่ Presale แนวสูงใน 1Q65 คาดที่ 80 ลบ. ลดลงราว 50% QoQ เนื่องจากไม่มีการขายโครงการ Q Sukhumvit ในช่วง 1Q65

บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2Q65 จำนวน 1 โครงการ คือ Q District Chaiyapruk Ratchapruek (มูลค่า 1.3 พันลบ.) และจะหนาแน่นขึ้นใน 2H65 แบ่งเป็น 3Q65-4Q65 ไตรมาสละ 2 โครงการ มูลค่า 3.6 พันลบ. และ 1.9 พันลบ. ตามลำดับ เป็นผลให้เราคาด Presale และยอดโอนกรรมสิทธิจะเติบโต HoH ในช่วง 2H65

คงคำแนะนำ “TRADING” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น

การคลายมาตรการเข้าประเทศโดยยกเลิกตรวจ RT-PCR ทั้งหมด ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 คาดส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยมีมากขึ้น หนุนรายได้ธุรกิจโรงแรมของบริษัท เนื่องจากโรงแรมส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมจากที่เคยเป็นประเด็นกดดัน GPM รวมในปี 2563-64 ในปีนี้จะกดดันน้อยลง ขณะที่เราเริ่มเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวใน 4Q64 ที่มีกำไรขั้นต้นเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส

นอกจากนี้ เราคาดเห็นการฟื้นตัวของ GPM จากการขายในปี 2565 เนื่องจาก 1) ในปี 2564 บริษัทมีการเร่งระบายสต๊อกจนทำให้ Inventory สิ้นปี 2564 ลดลง 5.7 พันลบ. เหลือ 3.8 หมื่นลบ. (เป็นแนวราบ 2.6 หมื่นลบ.) และ 2) แผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 ที่เป็นโครงการระดับบนถึง 3 โครงการ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยสินค้าคงเหลืออื่นๆ อย่างไรก็ตาม กำไรในปี 2565 ที่คาดฟื้นตัว 34% YoY ยังต่ำกว่าปี 2562 อยู่ 22%

คงคำแนะนำ Trading ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น (อิงวิธี SOTP) นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.07 บาท/หุ้น (XD 28 เม.ย. 2565) Yield 3.1%

 

- Advertisement -