ยังเน้น Wait & See แต่ระยะสั้นแนะนำส่งออก (ASIAN)

เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับฐานแรง 2.38% ขณะที่ NASDAQ ปรับฐานแรงกว่าราว 3.95% หลักๆ นักลงทุนกังวลกับการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ว่าจะกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจตามต้นทุน ทางการเงินที่สูงขึ้น รวมไปถึงสถานการณ์ในจีนที่ใช้มาตรการเข้มข้นในการป้องกันการระบาด COVID-19 ซึ่งตามมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ต้องแลกมา รายงานล่าสุดระบุว่าจีนมีโอกาส Lock Down กรุงปักกิ่งในไม่ช้าจากนี้ ด้าน VIX INDEX เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปีที่ปรับตัวลง ด้าน Dollar Index เดินหน้าแข็งค่าต่อเนื่อง สภาวะเช่นนี้บ่งบอกถึงการ Risk Off หรือปิดความเสี่ยงของนักลงทุน  ส่วนเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับฐานแรงเช่นกันราว 2.28% มองเป็นแรงกดดันมายัง SET INDEX ในวันนี้ ให้มีโอกาสปรับฐานลงได้ต่อในกรอบ 1650 – 1666

ปัจจัยในประเทศ (1) วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน มี.ค. พบมูลค่าส่งออก ขยายตัว 19.5%YoY แต่หากหักรายการสินค้าเกี่ยวเนื่องกับทองคำ น้ำมัน และอาวุธ จะขยายตัว 9%YoY สินค้าที่ ขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ +32%YoY เคมีภัณฑ์ +25%YoY เครื่องจักร +22%YoY แผงวงจร ไฟฟ้า +11%YoY มองเป็นบวกต่อหุ้น (HANA KCE PTTGC IVL) ด้านการนำเข้าขยายตัว 18%YoY โดยสินค้า หลัก ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ดังนั้นหากทิศทางเงินบาทยังเดินหน้าอ่อนค่าต่อเนื่อง สิ่งที่ จะตามมาคือภาวะเงินเฟ้อในประเทศจะวิ่งแรงต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับรัฐบาลจะยกเลิกอุ้มดีเซลในประเทศยิ่งเป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในช่วงถัดไป ถือเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน และการเติบโตของเศรษฐกิจโดยตรง (2) การประกาศผลประกอบการ 1Q22 วานนี้มี SCGP, DELTA สำหรับ DELTA เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ จากขาย โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นผลจากการปรับกำไรปี 22 (+20%) รายได้ที่ขยายตัวเป็นผลจากอุปสงค์ใน Cloud, Data Center, EV เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นถือครองเงินสดระดับสูง หลังจากที่ดัชนีเริ่มปรับฐานสอดคล้องกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้แม้จะปรับฐานลงมาแล้ว แต่ก็มองว่ายังคงไม่น่าสนใจจะเข้าสะสมจนกว่าจะถึงบริเวณ 1580 ต่ำลงไป ส่วนการ Trading ระยะสั้นแนะหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ ส่งออก (ASIAN TU) ผลบวกบาทอ่อนค่า โรงพยาบาล (BCH CHG) Defensive Stock ในช่วงตลาดมีความผันผวน

ASIAN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 23 บาท) ประเมินกำไรฟื้น ตัวตั้งแต่ 2Q22 จากรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งขึ้น หนุนจากกำลังการผลิตใหม่และอัตรกำไรที่ปรับดีขึ้นจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง

HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 17 บาท) คาดว่ากำไร 2Q22 จะเติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ โดยได้รับแรง หนุนจาก (1) ช่วงไฮซีซั่นฤดูร้อน (สินค้าเครื่องปรับอากาศ จะขายดี) (2) กิจกรรมส่งเสริมการขาย (Homepro Super Expo) และ (3) รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น

 

หมายเหตุ ชุดหุ้นที่แนะนำ เหมาะสำหรับการซื้อเชื่อถือลงทุน 1-14 วันหากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถทำกำไรได้โดย แนะตั้ง Stop loss หากขาดทุนเกินกว่า 5% ส่วนราคาเป้าหมายเป็นราคาภายใน 1 ปีจากปัจจุบันที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน

- Advertisement -