Our View? “ยังไม่แข็งแรงพอ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,660 /1,655 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,675 ยังมองตลาดยังให้น้ำหนักกับการติดตามการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 3-4 พ.ค. นี้ คาด FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% รวมถึงจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลลง 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน อีกทั้งคาด FED จะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงอีก 1-2 ครั้งถัดไป บ่งชี้แนวโน้มกระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งคาดว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วของ FED คาดจะกระตุ้นความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-โลกชะลอตัวลง เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

สอดคล้องกับ Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุดแกว่งตัวอยู่ที่บริเวณ 103.0 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี จากแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายทางการเงินข้างต้นของ FED คาดจะเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่ปัจจุบันอ่อนค่าที่ระดับ 34.40 บาท/ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดต่อเนื่องในรอบ 5 ปี ขณะที่แนวโน้มการโอนเงินปันผลกลับต่างประเทศของนักลงทุนต่างชาติ คาดยังหนุนค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ต่อ คาดจะกระตุ้นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากการที่ไทยเป็นประเทศนําเข้าพลังงานในสัดส่วนที่สูง การอ่อนค่าของค่าเงินบาทจะหนุนทิศทางราคาพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งเราคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง จะกระตุ้นแนวโน้มการขายทำกําไร – ลดการเข้าถือสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ กดดันตลาดหุ้นไทยได้ต่อ

ขณะที่เรายังมีมุมมองเชิงลบต่อการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนภูมิภาคเอเชีย เสี่ยงเกิดภาวะ stagflation จากประเด็นดังกล่าว รวมทั้งยังได้รับปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง จากผลกระทบของการออกมาตรการ Lockdown หลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 คาดกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้เช่นกัน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ คาดตลาดจะยังติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของ บจ. ต่อ อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อไทย จากแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินบาท และการที่รัฐบาลเตรียมยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร คาดจะเริ่มในวันที่ 1 พ.ค. นี้ คาดจะช่วยลดแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน คาดค่าการตลาดจะขยับขึ้นได้บ้าง ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน (OR, BCP และ ESSO) อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินบาท คาดจะกระตุ้นแนวโน้มการขายทำกำไร-ลดการเข้าถือสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ กดดันหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ได้อยู่ ทำให้เรายังคาดว่าหุ้นในกลุ่มขนาดเล็กและขนาดกลาง จะยังสามารถ Perform ได้ดีกว่า จากคาดการณ์หุ้นดังกล่าวได้รับผลจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม เราคาดจะหนุนหุ้นแรงเข้าซื้อเก็งกำไรในกลุ่มส่งออกอาหาร (CPF, GFPT, TU, TFG และ CFRESH) จากแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น รวมทั้งการรับรู้รายได้ในสกุลเงินบาทที่สูงขึ้น

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CFRESH”

กลยุทธ์ เก็งกำไรระยะสั้น แนวรับ 3.96 / 3.86 Target 4.20/4.50 Stop <3.84

- Advertisement -