บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) 24.7%
Close Apr 27, 2022 Price (THB) 46.50
12M Target (THB) 58.00
Previous Target Price 62.00
What’s new?
- คาด MTC จะมีกำไรสุทธิ 1Q65 จำนวน 1,193 ลบ . ลดลง 13.1%YoY แต่โต 8.5%QoQ หนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ปรับขึ้นได้ดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ฟื้นตัวขึ้นตาม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลง แต่ผลบวกดังกล่าวบางส่วนถูกหักล้างด้วยการตั้งสำรองที่คาดจะเร่งตัวขึ้น หลัง NPL เพิ่ม และมีสินเชื่อไม่มีหลักประกันมากขึ้น
Our view
- เรามองว่าในช่วงสั้น MTC ยังมีแรงกดดันจากการปรับลงของ Asset Yield ที่ต่อเนื่องมาจนถึง 1Q65 ก่อนที่จะเริ่มทรงตัวใน 2Q65 และกลับมาขยับขึ้นใน 2H65 เป็นต้นไป หลังสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อกลุ่ม BNPL เพิ่มขึ้น ดังนั้นแม้ราคาหุ้นจะปรับลงจนมี Upside ราว 24.7% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 58 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 4.1x) แต่เรายังคงคำแนะนำ “Trading” จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของ Asset Yield ที่ชัดเจนขึ้น
MUANGTHAI CAPITAL ช่วงสั้นยังถูกกดดันจาก Yield ที่ต่ำลง และสำรองเพิ่มขึ้น
คาดกําไร 1Q65 จํานวน 1,193 ลบ. ลดลง 13.1%YoY แต่โต 8.5%QoQ
เราคาด MTC จะมีกำไรสุทธิ 1Q65 จำนวน 1,193 ลบ. ลดลง 13.1%YoY แต่เพิ่มขึ้น 8.5%QoQ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการขยายพอร์ตสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้นราว 4.1%QoQ หลังความต้องการใช้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ของกลุ่มลูกค้าฐานรากเพิ่มสูงขึ้น บวกกับบริษัทได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินดี และเร่งขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นไตรมาสแรกที่บริษัทเปิดให้บริการ Buy now Pay later (BNPL) เพื่อทำสินเชื่อเช่าซื้อตามความต้องการของลูกค้า รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่คาดปรับลง 3.5%QoQ หลังค่าใช้จ่ายในส่วนของ Incentive ในการตามหนี้ที่จ่ายให้กับพนักงานเริ่มปรับตัวลง ทำให้คาด Cost to Income Ratio จะลดลงเหลือ 51% จาก 55.4% ใน 4Q64 ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดโต 1.9%QoQ สอดรับไปกับพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกดังกล่าวได้ถูกหักล้างลงจากแรงกดดันของ 1) Asset Yield คาดปรับลงต่อจาก 18.5% ใน 4Q64 เหลือ 18.3% เนื่องจากสัดส่วนสัญญาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ NIM ปรับตัวลงเหลือ 15.7% จาก 15.8% ใน 4Q64 2) การตั้งสำรองที่คาดจะเร่งตัวขึ้นราว 46.9%QoQ สะท้อนเป็น Credit Cost ที่เพิ่มขึ้นจาก 1.19% ใน 4Q64 เป็น 1.65% หลังมองว่าระดับ NPL ของบริษัทจะเริ่มปรับตัวขึ้นทั้งจากมาตรการช่วยเหลือที่ครบกำหนดโครงการ และเป็นผลจากการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งมี Loss Given Default ในการคำนวณ ECL สูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์
ปรับลดประมาณการสะท้อนการตั้งสำรองที่เร่งตัวขึ้นกว่าคาด
หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1Q65 จะคิดเป็น 19.5% ของประมาณการทั้งปีเดิม ซึ่งต่ำกว่าคาด จากผลของการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ทำให้เราลดประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2565 ลง เฉลี่ยปีละ 5.9% โดยภายใต้ประมาณการใหม่ ยังคาดผลดำเนินงานของ MTC จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 หลังแรงกดดันจาก Asset Yield เริ่มผ่อนคลายลงตามสัดส่วนของสินเชื่อดอกเบี้ยสูงอย่างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่ง และสินเชื่อในกลุ่ม BNPL ที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยอดสินเชื่อ MTC ยังมีการเร่งขยายตัวได้ดีจากทั้งการเพิ่มวงเงิน และการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีการชำระเงินดี ส่วนปริมาณหนี้เสียที่เร่งตัวขึ้นใน 1Q65 คาดจะเริ่มทรงตัวใน 2Q65 หลัง เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้การตั้งสำรองคาดจะไม่เพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้คาดมีปัจจัยหนุนจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ปรับตัวลง เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายด้านวัคซีนพนักงาน และ Incentive ในการติดตามหนี้มากเท่ากับปีก่อน ทำให้คาดทั้งปี 2565 MTC จะมีกำไรสุทธิ 5,665 ลบ. โต 14.6%YoY
รอการฟื้นตัวของ Asset Yield ใน 2H65 คงคำแนะนำเพียง “Trading”
เรามองว่าในช่วงสั้น MTC ยังมีแรงกดดันจากการปรับลงของ Asset Yield ที่ต่อเนื่องมาจนถึง 1Q65 ก่อนที่จะเริ่มทรงตัวใน 2Q65 และกลับมาขยับขึ้นใน 2H65 เป็นต้นไป หลังสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อกลุ่ม BNPL เพิ่มขึ้น ดังนั้นแม้ราคาหุ้นจะปรับลงจนมี Upside ราว 24.7% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 58 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 4.1x) แต่เรายังคงคำแนะนำ “Trading จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของ Asset Yield ที่ชัดเจนขึ้น