บล.เอเชียพลัส:
คาดกําไรปกติ 2Q64 สดใส แตกำไรสุทธิลด QoQ… ปรับเพิ่มมุมมองราคาน้ํามันระยะยาว
คาดการณ์กําไรจากการดําเนินงานปกติ 2Q64 เติบโตโดดเด่นถึง 51%qoq มาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท จากทั้งปริมาณขาย และราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้ามาพิจารณากําไรสุทธิพบว่าลดลง 26%qoq มาอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท เนื่องจากงวดนี้มีขาดทุน hedging สูงถึง 4.5 พันล้านบาท ขณะท่ีงวดก่อนหน้ารายการพิเศษสุทธิเป็นกําไร 2.9 พันล้านบาท
เพิ่มสมมติฐานราคาน้ํามันดิบดูไบระยะยาวเป็น 60 จาก 50$/bbl โดยยังคงมุมมองราคาน้ํามันในช่วงท่ีเหลือของปีจะลดลงจากปัจจุบัน ภายใต้ประมาณการใหม่มูลค่าพื้นฐานส้ินปี 2564 อยู่ที่ 144 จากเดิม 128 บาทต่อหุ้น แนะนํา ทยอยสะสมสําหรับการลงทุนระยะยาว โครงการใหม่หนุนกําไรแข็งแกร่ง
คาดกําไรสุทธิ 2Q64 ลดลง 26%qoq แต่กําไรปกติดีดตัวโดดเด่นถงึ 51%qoq
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กําไรสุทธิงวด 2Q64 เท่ากับ 8.5 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 26.2%qoq หลักๆเป็นผลมาจากรายการพิเศษที่ในงวดนี้สุทธิเป็นขาดทุนสูงถึง 4.5 พันล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการบันทึกขาดทุนจาก hedging เกือบทั้งจํานวน มีบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 89 ล้านบาท เทียบกับงวดก่อนหน้าที่รายการ พิเศษสุทธิบันทึกเป็นกําไรท่ี 2.9 พันล้านบาท (บันทึกกําไรจากการซื้อธุรกิจในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของโครงการโอมาน แปลง 61 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท รับรู้ค่าใช้จ่ายในการสํารวจปิโตรเลียมเพิ่มข้ึนจากการตัดจําหน่ายสินทรัพย์ท่ีเกิดจากการสํารวจและประเมินค่าบางส่วนของโครงการสํารวจปิโตรเลียมในประเทศบราซิลจํานวน 4.45 พันล้านบาท บันทึกขาดทุนจาก hedging 2.93 พันล้านบาท และบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 147 ล้านบาท)
แต่หากตัดรายการพิเศษพิจารณาเฉพาะกําไรจากการดําเนินงานปกติพบว่าปรับตัวเพิ่มข้ึนโดดเด่นถึง 51.0%qoq มาอยู่ราว 1.3 หมื่นล้านบาท รับอานิสงค์หลักจาก
1) ปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง13.6%qoq มาอยู่ที่ 4.35 แสนบาร์เรลต่อวันรับปัจจัยหนุนหลักจากรับรู้โครงการ Oman Block 61 กําลังการผลิต 4.0 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และ Saba-H กําลังการผลิต 2.0 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เต็มที่ทั้งไตรมาส รวมถึง PTT รับซื้อก๊าซฯมากกว่า DCQ ในแหล่งบงกช (high norm) เนื่องจากราคา LNG ที่สูงในช่วงที่ผ่านมาจึงรับซื้อก๊าซฯในอ่าวซึ่งมีราคาต่ำกว่าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมี shipment น้ํามันจากแหล่งในมาเลเซีย load เพิ่มขึ้นใน 2Q64
2) ราคาขายเฉลี่ยปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น 7.7%qoq มาอยู่ที่ 43.5 เหรียญฯต่อบารเ์รล ตามราคาขายน้ํามันดิบท่ีปรับตัวข้ึนต่อเนื่องอีก 13.1%qoq มาอยู่ท่ี 64.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาขายก๊าซฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.5%qoq มาอยู่ท่ี 5.75 เหรียญฯต่อล้านบีทียู (สัดส่วนผลิตภัณฑ์ก๊าซฯ และน้ํามันดิบ อยู่ท่ี 70:30)
ขณะท่ีต้นทุนต่อหน่วยคาดจะทรงตัวจากงวดก่อนหน้าท่ี 28.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล ถึงแม้ คาด OPEX จะเพิ่มขึ้นเพราะมีการขายน้ํามันจากแหล่งในมาเลเซียซึ่งมีต้นทุนสูง แต่ปริมาณขายท่ีเพิ่มขึ้นมีนัยฯในงวดนี้ช่วยให้ต้นทุนต่อหน่วยยังทรงตัวในระดับต่ำได้
โดยรวมแล้วคาดกําไรสุทธิ และกําไรจากการดําเนินงานปกติงวด 1H64 อยู่ท่ี 2.0 และ 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มข้ึน 55.0% และ 65.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 70% ของประมาณการท้ังปี 2564 ที่ประเมินไว้
ปรับเพิ่มมุมมองราคาน้ํามันดิบระยะยาวเป็น 60 เหรียญฯ/บาร์เรล
ราคาน้ํามันดิบดูไบล่าสุด (6ก.ค.64) อยู่ที่ 71.6 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่งผลให้ค่า เฉลี่ยต้ังแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบันอยู่ราว 63.2 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่องต้ังแต่ช่วง 2H63 รับผลบวกจากการปรับลดกําลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ถึงแม้ตามแผนกลุ่ม OPEC+ จะมีการทยอยปรับเพิ่มกําลังการผลิตใน เดือน พ.ค. – ก.ค. ที่ 3.5 แสนบาร์เรล/วัน, 3.5 แสนบาร์เรล/วัน, และ 4.4 แสนบาร์เรล/วัน ทําให้การปรับลดกําลังการผลิตของกลุ่มโอเปกจะอยู่ที่ 6.9 ล้านบาร์เรล/วัน, 6.5 ล้าน บาร์เรล/วัน และ 6.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลําดับ ส่วนซาอุดีอะระเบียจะทยอยเพิ่มกําลังการผลิต 2.5 แสนบาร์เรล/วัน , 3.5 แสนบาร์เรล/วัน ,และ 4.0 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ค.- ก.ค. ตามลําดับ เช่นกันก็ตาม ซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้ท่ีเร่ิมทยอยกลับมา หลังจากหลายปะเทศท่ัวโลกเร่ิมทยอยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจาก lock down ตาม สถานการณ์ COVID-19 ท่ีเกิดข้ึน นอกจากน้ีล่าสุดความผันผวนของราคาน้ํามันดิบเกิดข้ึนอีกคร้ังจากความขัดแย้งของท่ีประชุมกลุ่มโอเปก หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่ประชุม ซึ่งถือเป็นประเด็นท่ียังต้องติดตาม
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาค่าเฉลี่ยราคาน้ํามันดิบดูไบตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบัน พบว่าอยู่ที่ 63.2 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งหากกําหนดให้ในช่วงที่เหลือของปีราคาน้ํามันดิบดูไบ เฉลี่ยอยู่ในกรอบ 55-60 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลดลงจากปัจจุบันท่ีอยู่เหนือ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล ภายใต้หลักความระมัดระวังและด้วยเหตุผลที่ว่า supply จะทยอยเพิ่มขึ้น หลังจากลุ่มโอเปกทยอยปรับลดตัวเลขกําลังการผลที่ลดลงตามสถานการณ์ด้านความต้องการใช้ที่เริ่มทยอยคลี่คลาย เพราะหากพิจารณาในความเป็นจริงจะพบว่าสถานการณ์น้ํามันของโลกเราอยู่ในภาวะ oversupply เพียงแต่ในช่วงกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้เข้ามาแทรกแทรงผ่านการปรับลดกําลังการผลิตของกลุ่มฯ เพื่อช่วยพยุงราคาน้ํามันไม่ให้ตกต่ำ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาน้ํามันดิบจะกลับลงมาสู่ภาวะสมดุลได้ ฝ่ายวิจัยจึงกําหนดสมมติฐานราคาน้ํามันดิบดูไบในปี 2564 และระยะยาวไว้ท่ี 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสมมติฐานเดิมที่กําหนดไว้ที่ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ประมาณการ กําไรปี 2564-65 ของ PTTEP เพิ่มขึ้น 38.4% และ 22.8% จากเดิม มาอยู่ท่ี 3.9 และ 4.3หมื่นล้านบาทตามลําดับ และภายใต้ประมาณการใหม่ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 144 จาก 128 บาทต่อหุ้น
แนวโน้มกําไร 3Q64 มีโอกาสลด QoQ หากราคาน้ํามันดิบดูไบต่ำกว่า 70 เหรียญฯ
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ทิศทางกําไรจากการดําเนินงานปกติงวด 3Q64 มีโอกาสปรับลดลงจาก งวด 2Q64 เนื่องจากมีแรงกดดันจากปริมาณขายที่คาดจะลดลงเหลือราว 4.1-4.2 แสน บาร์เรลต่อวัน จาก 4.35 แสนบาร์เรลต่อวัน ในงวด 2Q64 เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบํารุง ของโรงแยกก๊าซฯของ PTT ทําให้เรียกรับก๊าซฯลดลง รวมถึง shipment น้ํามันจากแหล่ง ในมาเลเซียน่าจะลดลงเมื่อเทียบกับงวด 2Q64 ดังน้ันหากราคาน้ํามันดิบไม่สามารถยืน เหนือ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้ ก็จะไม่มีปัจจัยมาช่วยพยุงกําไรปกติงวด 3Q64 ให้ใกล้เคียงกับงวดท่ีผ่านมาได้ ขณะที่ราคาขายก๊าซฯคาดเพียงทรงตัวจากงวด 2Q64
ประเด็นความเสี่ยง
- การผลิตของแต่ละโครงการไม่ได้ตามเป้าหมายที่กําหนดไว้ รวมถึงการหยุดผลิตฉุกเฉินของโครงการ ต่างๆ (unplanned shutdown)
- ราคาน้ํามันดิบอ้างอิงดูไบที่ไม่เป็นไปตามสมมติฐานท่ีกําหนดไว้ ซึ่งอาจทําให้ประมาณการไม่เป็นไปตามท่ี คาดการณ์ไว้
- ความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ (Country risk)
แนะนํา : ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท):113.00
ราคาเป้าหมาย (บาท):144.00
Upside (%): 27.40
Dividend Yield (%): 4.00