บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (From BUY)

TP upside (downside) – 10.5%

Close Apr 28, 2022 Price (THB) 3.80

12M Target (THB) 3.40

Previous Target (THB) 3.66

What’s new?

  • คาด 1Q65 ขาดทุนปกติที่ 374 ล้านบาท อ่อนตัวลง QoQ ถูกกดดันจาก Omicron แต่เห็นการฟื้นตัวดีในช่วงปลายไตรมาส ขณะที่ ADR ยังปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
  • คาด 2Q65 ผลประกอบการฟื้นตัวได้ดี อิงตัวเลข Occ. Rate เดือน เม.ย.65 ที่ 48% จาก 1Q22 คาดไว้ราว 29% และคาดเห็นยอด Booking ฟื้นตัวเด่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ

Our view

  • ปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 3.40 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA ที่ 19x เทียบเท่า +2.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
  • ระยะสั้นหุ้นเริ่มตึงตัว มี Upside จำกัด แต่ระยะยาวหากกำไรกลับไประดับ Pre-COVID19 Level ได้ในปี 2566 หุ้นไปได้ราว 4.30-5.00 บาทต่อหุ้นใน Modeling ของเรา ซึ่งเราเชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่จะ Price In กรณีดังกล่าว

THE ERAWAN GROUP คาดผลประกอบการ 1Q65 ลดลง QoQ แต่ดีขึ้น YoY

คาดผลประกอบการ 1Q65 อ่อนตัวลง QoQ

เราคาดผลประกอบการ 1Q65 ขาดทุนปกติที่ 374 ล้านบาท แย่ลง QoQ เทียบกับขาดทุนปกติ 347 ล้านบาท ใน 4Q64 จากแรงกดดันของการระบาด Omicron และนักท่องเที่ยวชะลอตัวในช่วงที่มีการระงับใช้ Test&Go ชั่วคราว แต่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY เทียบกับขาดทุนปกติ 492 ล้านบาทใน 1Q64 สรุปสาระสำคัญดังนี้

(1) โรงแรมในไทยไม่รวม Hop Inn เราคาด RevPar เฉลี่ยที่ 495 บาท/คืน (-0.5% QoQ, +131.1%YoY) คาด Occ. Rate อยู่ที่ 29% (เทียบกับ 30% ใน 4Q64 และ 17% ใน 1064) ทรงตัว QoQ แม้ว่าจะโดนผลกระทบจาก Omicron และการระงับ Test&Go ช่วงต้นไตรมาส สะท้อนการฟื้นตัวที่ทำได้ดีในเดือนมี.ค.65 ขณะที่คาด ADR เฉลี่ยยังปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง +2.3% QoQ

(2) โรงแรม Hop Inn ในไทยเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวได้ดี คาด RevPar ที่ 415 บาท/คืน (+13.8% QoQ, +41.3%YoY) คาด Occ. Rate ปรับขึ้นมาที่ 66% เทียบกับ 59% ในช่วง 4Q64 และ 48% ใน 1Q64 หนุนจากการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown และผู้คนในประเทศก็กล้าออกมาเดินทางมากขึ้น แม้ว่ายังมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ก็ตาม

(3) โรงแรม Hop Inn ในฟิลิปปินส์ที่คาด RevPar ที่ 427 บาท/คืน (+1.0%QoQ, +36.5%YoY) คาด Occ. Rate ที่ 48% ใกล้เคียง 49% ใน 4Q64 แต่เติบโตดี YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน

(4) คาด GPM ใน 1Q65 ลดลงมาอยู่ที่ 34.4% เทียบกับ 35.8% ใน 4Q64 จากสัดส่วนการเข้าพักที่ลดลง คาด ทำให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับลดลงตาม และคาด SG&A to sale ที่ 46% ใกล้เคียง 4Q64

คาดผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดปี

นโบยายการเปิดประเทศของไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ 1 พ.ค.65 ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะไม่บังคับให้ต้องตรวจผลอีก และอาจมีการประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่นได้เร็วขึ้นจากเดิมในเดือน ก.ค.65 หากรัฐประเมินแล้วว่าหลังยกเลิก Test&Go ประมาณ 2 สัปดาห์ ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการติดเชื้อในประเทศ อาจทำให้การเปิดประเทศเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด หนุนการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป อิงตัวเลข Occ. Rate ของ ERW ในเดือน เม.ย. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 48% จาก 1Q22 คาดไว้ราว 29% และตั้งแต่ 1 พ.ค. คาดเห็นยอด Booking ที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเทียบสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์หรือยูโร คาดช่วยหนุนให้ประเทศไทยน่าดึงดูดมากขึ้นในมุมมองของต่างชาติ

ปรับลดประมาณการปี 2565 แต่ปรับเพิ่มประมาณการปี 2566

ประมาณการก่อนหน้าของเราคาดรายได้ทั้งปี 2565 ที่ 5.8 พันล้านบาท (91% ของปี 2562 Pre COVID-19) ขณะที่ 1Q65 คาดทำได้เพียง 568 ล้านบาท ทำให้ประมาณการของเราสูงเกินไป เราปรับลดประมาณการ 2565 ลงจากคาดขาดทุนในปี 2565 ที่ 82 ล้านบาทเป็นขาดทุน 242 ล้านบาท หลักๆ จากการปรับลดสมมติฐานรายได้กลุ่มโรงแรมปี 2565 จาก 5.7 พันล้านบาทเป็น 4.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 จาก 393 ล้านบาท เป็น 435 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% โดยสมมติฐานกำไรปี 2566 ของเราสมมติให้รายได้ของ ERW ยังต่ำกว่าระดับปี 2562 ราว 3% แต่คาดเห็น Net profit margin ดีขึ้นที่ 7.0% เทียบกับปี 2562 ที่ 6.7% ผลบวกของการปรับลดโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2563-64

ปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING” อิงราคาเหมาะสมที่ 3.40 บาท

เราปรับลดราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เป็น 3.40 บาทต่อหุ้น อิง EVEBITDA ที่ 19% เทียบเท่า +2.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เราปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING” จาก Valuation ระยะสั้นที่เริ่มตึงตัวในระยะ ยาว หากกำไรของ ERW กลับไประดับ Pre-COVID19 หรือคือคาดการณ์กำไรปี 2566 ของเรา และสมมติให้ ราคาหุ้นถูกดึงกลับมาซื้อขาย บนค่าเฉลี่ยระยะยาวหรือ +0.5SD ราคาหุ้นจะอยู่ที่กรอบราว 4.30-5.00 บาท ต่อหุ้น ซึ่งเป็นกรณีที่น่าจะเกิดขึ้นได้ หากตลาดเลือกมองข้ามผลประกอบการในปี 2565 ไปที่กำไรในปี 2566 อย่างไรก็ดี เรามองว่ายังเร็วเกินไปที่จะ Price in กรณีดังกล่าว ตลาดน่าจะ Price in ใน 2H65 มากกว่า

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) จำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติอาจต่ำกว่าคาดการณ์ และ 2) การระบาดของ COVD-19 เกิดการกลายพันธุ์ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกครั้ง

- Advertisement -