บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) U.R.
Close Apr 28, 2022 Price (THB) 16.20
12M Target (THB) U.R.
Previous Target (THB) 19.00
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 2.4 พันลบ. หนุนจากกำไรพิเศษจากการขาย Sunseap ราว 2.6 พัน ลบ. หากหักรายการพิเศษออก คาดกำไรปกติที่ 370 ลบ. ฟื้นตัว QoQ จากอัตรากำไรที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าในจีน QoQ และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Temple I แบบเต็มไตรมาส แต่ลดลง YoY จากต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้น YoY
- คาดกำไรปกติฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 1) ราคาถ่านหินในจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวลงหลังมีการแทรกแซงจากรัฐ และ 2) การกลับมาดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสา
Our view
- เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสม ในเชิงกลยุทธ์ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากราคาถ่านหินจีนที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ BPP ในระยะสั้น-กลาง โดยราคาเฉลี่ยถ่านหินจีน YTD อยู่ที่ราว 1,000 หยวน/ตัน ซึ่งสูงกว่า Guidance ของบริษัทฯ และสมมุติฐานของเราที่คาดราคาเฉลี่ยถ่านหินจีนปี 2565 ที่ 700-850 หยวน/ตัน
- หากปรับไปใช้สมมติฐานราคาถ่านหินจีนปี 2565 ที่ 900-1,000 หยวน/ตัน จะได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ราว 17.50-18.50 จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “Trading”
BANPU POWER PLC คาดกำไรปกติฟื้นตัว QoQ แต่ยังไม่เด่น
กำไร 1Q65 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+554% QoQ, +135% YoY) ได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรพิเศษจากการขายหุ้น Sunseap ของ BNEXT ราว 2.6 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากหักรายการพิเศษต่างๆ (กำไรพิเศษ, รายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอนุพันธ์) ออกไป คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 370 ล้านบาท ฟื้นตัว +134% QoQ แม้จะมีการปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของโรงไฟฟ้าหงสา แต่ได้แรงหนุนจาก 1) ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำในจีนที่เพิ่มขึ้น +20% QoQ จากการเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของจีน (High Season ของโรงไฟฟ้า CHP) 2) การเริ่มขายไฟฟ้าส่วนเกินให้กับเอกชน (ธุรกิจ Power Trading) ตั้งแต่ช่วงปลาย 4Q64 ส่งผลให้ราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ย 1Q65 สูงขึ้น QoQ (สามารถสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสามารถพลิกกลับมาเป็นบวก 3) การรับรู้รายได้จากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า Temple แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก 4) การกลับมาดำเนินงานเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้า Nakoso หลังปิดปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วง 4Q64 และ 5) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง -17% QoQ จากการขาดหายไปของค่าใช้จ่าย One-off ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า Temple I
อย่างไรก็ตามกำไรปกติ 1Q65 ลดลง -62% YoY หลังถูกกดดันจาก 1) ต้นทุนถ่านหินในจีนที่สูงขึ้น YoY จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 19.3% ใน 1Q64 มาอยู่ที่ 3.8% ใน 1Q65 2) การปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของโรงไฟฟ้าหงสา 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นจากการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้า Temple และ 4) การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของโรงไฟฟ้า SLG ที่ COD ในช่วง 3Q64 หากกำไรปกติ 1Q65 ออกมาใกล้เคียงคาดจะคิดเป็นสัดส่วน 9% ของประมาณการทั้งปี จึงส่งผลให้ประมาณการปี 2565 ของเรามี Downside
แนวโน้มกำไร 2Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ
กำไรปกติ 2Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ จาก 1) การลดอัตราภาษีนำเข้าถ่านหินของจีนเหลือ 0% ช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนของโรงไฟฟ้า CHP ในจีน และจะทำให้ GPM ดีขึ้นตามลำดับ 2) การกลับมาดำเนินงานของโรงไฟฟ้าหงสาแบบเต็มประสิทธิภาพ 3) การเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple ในเดือน มิ.ย.- ส.ค. (ฤดูร้อนของสหรัฐฯ) จะส่งผลให้ปริมาณขายไฟฟ้า และ GPM เพิ่มขึ้น QoQ 4) คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น YoY แม้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Nakoso ราว 1 เดือนจากการกลับมาดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสา รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนที่ลดลงของ BNEXT (ผลจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม)
ราคาถ่านหินที่สูงเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง
เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสม โดยเชิงกลยุทธ์ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากราคาถ่านหินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ BPP ในระยะสั้น-กลาง โดยราคาถ่านหินจีนเฉลี่ย YTD อยู่ที่ราว 1,000 หยวน/ตัน ซึ่งสูงกว่า Guidance ของบริษัทฯ และสมมติฐานของเราที่คาดค่าเฉลี่ยราคาถ่านหินปี 2565 ที่ 700-850 หยวน/ตัน และ 850 หยวน/ตัน ตามลำดับ ซึ่งหากปรับไปใช้สมมติฐานราคาถ่านหินที่ราว 900-1,000 หยวน/ตัน จะส่งผลให้ราคาเหมาะสมลดลงมาอยู่ในช่วง 17.50-18.50 บาท/หุ้น หากเทียบกับราคาปัจจุบันมี Upside เหลืออยู่ราว 8-14% จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “Trading”