หลังปลดล็อกชุดตรวจ ‘โควิด-19’ ได้เอง
จากการระบาดของโควิดท่ีรุนแรงขึ้นรัฐบาลเตรียมอนุมัติให้ใช้ชุดตรวจโควิด Rapid Antigen Tests (RAT) ซึ่ง เป็นชุดตรวจโควิดได้ด้วยตัวเอง เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดตั้งแต่เนิ่นๆโดยก่อนหน้านี้ได้อนุญาตให้ “มืออาชีพ” เท่านั้น เช่น ในโรงพยาบาลและคลินิก แต่ก็ยังใช้งานท่ีจำกัด ก่อนหน้านี้แพทย์ไทยชอบท่ีจะตรวจด้วยการทำ RT-CPR แบบ เต็มรูปแบบซึ่งมีความแม่นยำและมีราคาแพงกว่า(ค่าตรวจครั้งละ 2,300-8,000 บาท) อย่างไรก็ตามจากการระบาดท่ีรุนแรงขึ้นและโรงพยาบาลมีคนไข้แน่นรัฐบาลจึงอนุมัติให้สามารถจำหน่าย RAT ให้ประชาชนซื้อไปตรวจเองที่บ้านได้
รายได้จากการตรวจโควิดของ รพ. อาจลดลง
เนื่องจากชุด RAT อาจมีราคาระหว่าง 300-400 บาท/ชุด ซึ่งต่ากว่าค่าตรวจที่โรงพยาบาลเรียกเก็บในปัจจุบันที่ 2,300-8,000 บาท เราคาดว่าจะมีการตรวจด้วย ตัวเองท่ีบ้านมากขึ้นซึ่งอาจกระทบรายได้ท่ีเก่ียวข้องกับโควิดในครึ่งปีหลัง เราคาดว่า BCH จะมีรายได้ 1.4 พนั ล้านบาทจากการตรวจ Covid (38% ของรายได้ทั้งหมด) ใน ไตรมาส 2/64 ตามด้วย CHG ที่ 162 ล้านบาท (10% ของรายได้), BDMS 1.6 พันล้านบาท (10% ของรายได้) และ BH ที่ 126 ล้านบาท ( 5% ของรายได้) เราจึงคาดว่า BCH จะมีดาวน์ไซด์มากสุดตามด้วย CHG, BDMS และ B
ปลดล็อค RAT ตรวจเองได้ รายได้จากค่าตรวจลดลง
ปัจจุบันผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจ RAT ท่ีโรงพยาบาลได้ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ของโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามเราคดิว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากมีราคาแพงกว่า ซึ่งอาจอยู่ที่ 690 บาท/ครั้ง เทียบกับตรวจเองที่ 300-400 บาท นอกจากนี้แม้ว่า ผู้ป่วยจะตัดสินใจตรวจด้วย RAT ที่โรงพยาบาลถูกกว่า ก็จะทำให้รายรับของโรงพยาบาลลดลงเนื่องจากราคาที่ถูกกว่า
การเร่งฉีดวัคซีนถือเป็นปัจจัยสำคัญ
เราใช้วิธี DCF ประเมินราคาเป้าหมาย หุ้นเด่นของเรา คือ BH (WACC 6.3% เติบโต 2%) เนื่องจากรับประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประเทศ โดยรายได้ปกติ 2 ใน 3 มาจากผู้ป่วยต่างประเทศ ความเสี่ยงที่สำคัญคือการเร่งฉีดวัคซีนซึ่งหากช้าอาจนำไปสู่การติดเชื้อมากขึ้นและส่งผลเสียต่อจำนวนผู้ป่วยมารพ.