ยังคงมุมมองระวังสําหรับ 2Q และกลยุทธ์..แค่เก็งกําไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี ทำให้นักลงทุนกังวลเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด แม้ประธานาธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพยายามสื่อสารเส้นทางการขึ้นดอกเบี้ยกับนักลงทุนเพื่อให้ไม่กังวลว่าดอกเบี้ยจะขึ้นเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่หนุนภาพความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะคอยสร้างความกังวลให้กับตลาดและนักลงทุนเป็นระยะ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่ง (ดีกว่าคาดการณ์ที่ 400,000 ตำแหน่ง) ขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.3% (ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 0.40% เล็กน้อย) โดยสัปดาห์นี้ตลาดจะจับตาการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือนเม.ย. ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามที่ตลาดคาดที่ 8.1% (ลดลงจาก มี.ค. ที่ 8.5%) ผลตอบแทนพันธบัตร (คาดมี โอกาสทำจุดสูงสุดระยะสั้นที่ 3.25-3.50%) มีแนวโน้มจะทรงตัวถึงชะลอลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกช่วยชะลอการปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเป็นบวกกับโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวถึงชะลอลง หลังตอบรับปัจจัยบวกจากการประชุม G7 ที่ให้คำมั่นต่อการลดการพึ่งพาน้ำมันรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียประกาศปรับลดพรีเมี่ยมน้ำมันเดือนมิ.ย.ให้กับลูกค้าในเอเซียลงเหลือ 4.40 เหรียญ/บาร์เรล (จากพ.ค.ที่ 9.35 เหรียญ/บาร์เรล) จากผลของการล็อคดาวน์เพื่อรับมือโควิดของจีน แม้ราคาพลังงานจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่หากพิจารณาผลตอบแทนและความเสี่ยง เรามองกลุ่มโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมันมีความน่าสนใจกว่ากลุ่มพลังงานต้นน้ำ โดยมองเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนใน TOP, ESSO, SPRC และแนะนำซื้อ สำหรับ PTG และ OR

โฟกัสการลงทุนรายตัว/กลุ่ม กลยุทธ์การเลือกหุ้นจะทำได้ยากขึ้นในช่วงที่ตลาดเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้น (late cycle) ผ่านผลกระทบของเงินเฟ้อที่สูง และการทยอยถอนมาตรการกระตุ้นของกลุ่มธนาคารกลาง เราเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ, ภาพรวมกำไรคาดการณ์ที่ยังคงแข็งแกร่ง และถูกซื้อขายบนระดับ PE ที่ไม่แพง อาทิ พลังงาน, ธนาคาร, โรงพยาบาล, ประกัน ชีวิต เป็นต้น

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE

2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR

3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO

4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART

5) กอง REIT ได้แก่ FIREIT, WHART

6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์: โดยรวมยังคงมุมมองระมัดระวังสำหรับไตรมาส 2/65 ที่อัพไซต์อาจจะจํากัด ยังคงกลยุทธ์แค่เก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี โดยเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพง หรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก

หุ้นแนะนำ: OR, MAJOR, ASIAN

แนวรับ: 1,600-1,608 / แนวต้าน : 1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • จีนประกาศมาตรการช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็ก หวังแก้ปัญหาซัพพลายเชน – หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนและประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสภาแห่งรัฐ ประกาศมาตรการใหม่เพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ตลอดจนครัวเรือนที่ประกอบอาชีพอิสระ
  • กสทช. เปิดรับฟังความเห็นเอกชนดีล TRUE ควบ DTAC วันนี้ (9 พ.ค.) – โดยเป็นการจัดให้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด (Focus Group) ครั้งแรก
  • แย่งซื้อปาล์มเก็งราคาพุ่ง เอกชนฉวยจังหวะส่งออกทำกำไร – หลังอินโดนีเซียห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม ส่งผลราคาปาล์มทะลายพุ่งพรวด ทะลุ 12 บาท/กก. กรมการค้าภายในเรียกประชุมด่วนหาทางตรึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หวั่นผู้ประกอบการแห่ส่งออกน้ำมันปาล์มออกนอกประเทศ
  • ดัชนีเชื่อมั่นที่พักแรม เม.ย.เพิ่มขึ้นช่วงสงกรานต์ – แบงก์ชาติร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนเม.ย. 65 พบว่าอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
  • MSCI rebalancing – MSCI จะทำการทบทวนดัชนีรอบใหม่ 12 พ.ค. โดยสื่อในประเทศรายงานหุ้นที่มีโอกาสเข้า MSCI Global Standard Index ได้แก่ JMT, COM7 ขณะที่หุ้นที่มีโอกาสถูกปรับออก ได้แก่ BGRIM และ STGT

ประเด็นติดตาม: 10 พ.ค. ประธาน Fed ในหลายรัฐออกมาพูดให้ความเห็น / 11 พ.ค. US CPI, ประมูลพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี / 12 พ.ค.- MSCI Rebalancing, US PPI, US Initial Jobless Claims

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร QR* (31) : คาดผลประกอบการทยอยฟื้นตัวในช่วงสองถึงสามไตรมาสถัดไป ตัดขาดทุน 23.75 บาท
  • เก็งกำไร MAJOR* (22) : กระแสเงินสดแข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานฟื้นตัวจากการเปิดประเทศและหน้าหนังที่ดี ตัดขาดทุน 20 บาท
  • เก็งกำไร ASIAN* (19) : ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่า ตัดขาดทุน 15.90 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (6 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (6 พ.ค.) และปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้รุนแรงที่สุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกเผชิญกับแรงเทขาย ท่ามกลางแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น: ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มส่งออกหลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนส่ง หลังจากที่นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือน มิ.ย.นี้ (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดน้ำมัน: สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (6 พ.ค.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียนั้นได้เพิ่มแนวโน้มที่ปริมาณน้ำมันจะตึงตัว และบรรดาเทรดเดอร์ได้มองข้ามความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (อินโฟเควสท์)
  • สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาค เกษตรสูงกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 400,000 ตำแหน่ง (อินโฟเควสท์)
  • จีนประกาศมาตรการ ช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็ก หวังแก้ปัญหาซัพพลายเชน: หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนและประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสภาแห่งรัฐ ประกาศมาตรการใหม่เพื่อ ช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ตลอดจนครัวเรือนที่ประกอบอาชีพอิสระ (อินโฟเควสท์)
  • กสทช. เปิดรับฟังความเห็น เอกชนดีล TRUE ควบ DTAC: โดยเป็นการจัดให้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด (Focus Group) ครั้งแรกในวันนี้ (9 พ.ค.) (ข่าวหุ้น)
  • แย่งซื้อปาล์มเก็งราคาพุ่ง เอกชนฉวยจังหวะส่งออก: หลังอินโดนีเซียห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม ส่งผลราคาปาล์มทะลายพุ่งพรวดทะลุ 12 บาท/กก. กรมการค้าภายในเรียกประชุมด่วนหาทางตรึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด  หวั่นผู้ประกอบการแห่ส่งออกน้ำมันปาล์มออกนอกประเทศ (ประชาชาติ)
  • ดัชนีเชื่อมั่นที่พักแรม เม.ย.เพิ่มขึ้นช่วงสงกรานต์: แบงก์ชาติร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนเม.ย. 65 พบว่าอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (อินโฟเควสท์)

Report & Corporate News

  • GPSC Maintained HOLD TP: 70.00 บาท: GPSC รายงานกำไรสุทธิ 1Q22 ลดลง 84%yoy และ 73%qoq เหลือ 313 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรพิเศษจาก GPSC จะมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core profit) ลดลง 89% yoy และ 69%qoq เป็น 247 ลบ. ใกล้เคียงเราและตลาดคาด จากกำไรในช่วง 1Q22 และแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้เราปรับลด core profit ปี 2022 ลง 57% เหลือ 4.3 พันล้านบาท เราปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ ราคาเป้าหมายใหม่ 70 บาท
  • THCOM Maintained BUY TP: 12.20 บาท: THCOM ประกาศกำไรสุทธิที่ 51 ลบ. ใน 1Q22 พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิใน 4Q21 โดยกำไรหลักที่ปรับตัวดีขึ้น qoq มีสาเหตุหลักมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจดาวเทียมและผลขาดทุนที่ลดลงจาก Lao Telecom (LTC) เราคาดว่าจะเห็น: 1) โมเมนตัมของกำไรที่เป็นบวก, 2) การพัฒนาเชิงบวกในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และ 3) กสทช. เปิดประมูลช่องดาวเทียมโคจรใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 12.20 บาท
  • BH Maintained BUY TP: 188.00 บาท: เราคาด BH กำลังเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวโดดเด่นในไตรมาสที่จะมาถึง ได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลังการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของรัฐบาลไทย BH ยังมีความโดดเด่นในความสามารถในการทนทานต่อความไม่แน่นอนต่าง และได้รับผลกระทบต่ำสุดจากการลดลงของรายได้จากรายการที่เกี่ยวกับ COVID-19 คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่: 188.00 บาท
  • HMPRO: เผยผลประกอบการครึ่งปีหลังโตแกร่ง คาดยอดขายโตตามเป้าปีนี้ที่ 5-7% หลังโควิดคลี่คลาย การท่องเที่ยวฟื้น ช่วยหนุนกำลังซื้อเพิ่ม (ข่าวหุ้น)
- Advertisement -